ประตูสู่โลก Forex สำหรับมือใหม่

เรียนรู้การเทรด Forex ตั้งแต่พื้นฐาน เข้าใจง่าย ด้วยโรดแมปที่ชัดเจนสำหรับผู้เริ่มต้น

30 ขั้นตอนการเตรียมพร้อม สู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

เพื่อน ๆ คนไหนกำลังสนใจอาชีพเทรดเดอร์อยู่บ้างครับ และสนใจอาชีพนี้เพราะอะไร คำตอบก็คงจะคล้าย ๆ กัน อยากมีอิสรภาพทางการเงิน และเวลาใช่ไหมล่ะครับ
อาชีพเทรดเดอร์เป็นอาชีพที่มอบอิสระทางการเงินและเวลาให้กับเราได้ แต่ต้องอยู่ในจุดที่
ประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างรายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ
แต่หลายคนที่กำลังศึกษาหรือได้เข้ามาลองเทรดคงเจอกับปัญหาหลายประการ ตัวอย่างเช่น

  • ไม่รู้จะเริ่มต้นศึกษาจากอะไรก่อนดี มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้เต็มไปหมด
  • เทรดเท่าไหร่ก็ไม่ได้กำไรเสียที
  • โดนหลอกให้หลงเชื่อคำโฆษณาต่างๆจากโบรกเกอร์

ด้วยปัญหาเหล่านี้ทำให้หลายคนรู้สึกถอดใจและเคยคิดออกจากตลาดไปใช่ไหมล่ะครับแต่ถ้าเพื่อนๆ ยังอยู่จนถึงจุดนี้แสดงว่ารู้สึกสนใจในอาชีพนี้จริงๆ
และ..ใช่ครับอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีคนประสบความสำเร็จน้อยมาก

99% ล้มเหลว มีเพียงแค่ 1% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ แต่ในอีกมุมยังมีอยู่ 1% ที่ประสบความสำเร็จ
เพราะฉะนั้น
มันมีความเป็นไปได้ที่คุณจะเป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าเพื่อน ๆ อยากก้าวไปสู่ความสำเร็จของอาชีพเทรดเดอร์ เพื่อน ๆ ก็ต้องศึกษาหาความรู้ และให้เวลากับการเทรดมากขึ้น และมีวินัยกับมันให้ได้มากที่สุด แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี…ไม่รู้ว่าตัวเองยังขาดความรู้ในด้านไหน…บทความนี้มีคำตอบ!!

ผู้เขียนอยากให้ลองอ่านบทความนี้ดูครับ…โดยเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นการแชร์ 30 ขั้นตอนการเตรียมพร้อมสู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ที่จะทำให้เพื่อน ๆ ลืมอดีตที่เคยผิดพลาด เติมไฟเพื่อการเริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นเทรดเดอร์อีกครั้ง และสนุกไปกับการเทรด โดยมีเนื้อหาหลักในบทความดังนี้

  • ความรู้เบื้องต้นในตลาด Forex
  • การเลือกโบรกเกอร์ และการใช้งานแพลตฟอร์มอย่างชำนาญ
  • หลักการวิเคราะห์ตลาด
  • การสร้างแผนการเทรดที่สร้างกำไรจากตลาดอย่างยั่งยืน
  • การบริหารความเสี่ยงเพื่ออยู่กับตลาดให้ได้นาน
  • การจัดการอารมณ์ในการเทรดและสร้างจิตวิทยาการเทรดที่ดี
  • การสร้างสมุดจดบันทึกการเทรดเพื่อพัฒนาการเทรดไปอีกขั้น
  • เครื่องมือช่วยเหลือในการเทรด
  • การตั้งเป้าหมายในการเทรด
  • แหล่งความรู้และแหล่งติดตามข่าวสารในตลาด
  • การรักษาสุขภาพพอร์ตและสุขภาพกายสำหรับเทรดเดอร์
  • การต่อยอดทางด้านการลงทุน

ผู้เขียนเชื่อว่าด้วยหัวข้อที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะทำให้เพื่อนๆได้รับความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex  และนำความรู้ที่ได้จากบทความนี้ไปต่อยอดพัฒนาการเทรดของตัวเองให้ดีขึ้นไม่มากก็น้อย  และถ้าเพื่อนๆพร้อมที่จะรู้จักกับตลาด Forex แล้ว เราจะไปเริ่มต้นที่หัวข้อแรกกันเลย

ตลาด Forex (FX) ย่อมาจาก Foreign Exchange เป็นตลาดแลกเปลี่ยนค่าเงิน และเป็นตลาดเงินตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตลาด Forex เปิดให้มีการซื้อ-ขายแลกเปลี่ยน 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ และตลาดจะปิดในช่วงสุดสัปดาห์สินทรัพย์ในตลาด

  • สกุลเงิน (ซึ่งจะเป็นพระเอกหลักของบทความนี้)
  • อื่นๆ: นอกจากนี้ยังมีตราสารอื่นๆ ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาด Forex เช่น โลหะมีค่า (ทองคำ, เงิน), น้ำมันดิบ, ดัชนีหุ้น, สกุลเงินดิจิทัล และอื่นๆ

นักลงทุนในตลาด Forex: ใครเป็นใคร..ในสนามรบForex
เปรียบเสมือนเหล่าตัวละครในเกมต่อสู้ ที่มีทั้งพลังและความสามารถที่แตกต่างกัน

  • ธนาคารกลาง (Central Banks): “ราชาปีศาจผู้ทรงพลัง” ที่สามารถควบคุมทิศทางของตลาดได้ด้วยนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยน เพียงแค่กระดิกนิ้วก็สามารถทำให้ตลาดปั่นป่วนได้

  • สถาบันทางการเงิน (Financial Institutions): “อัศวินผู้แข็งแกร่ง”
    ที่มีทรัพยากรและข้อมูลมหาศาล พวกเขาเข้าใจตลาดเป็นอย่างดีและสามารถทำการซื้อขายในปริมาณมากๆ ได้ เช่น ธนาคารพาณิชย์, บริษัทประกันภัย, บริษัทหลักทรัพย์

  • กลุ่มกองทุน Hedge Fund: “นักเวทย์ผู้ลึกลับ” ที่ใช้กลยุทธ์ซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก พวกเขาสามารถสร้างกำไรได้มหาศาล แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

  • บริษัทข้ามชาติ (Multinational Corporations): “พ่อค้าผู้เดินทาง” ที่ต้องแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อทำธุรกิจ พวกเขาอาจไม่ใช่นักสู้โดยตรง แต่ก็มีอิทธิพลต่อตลาดได้

  • นักลงทุนรายย่อย (Retail Traders): “นักผจญภัยผู้กล้าหาญ” อย่างเราๆทุกท่าน รวมถึงผู้เขียนด้วยนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็น “ตัวประกอบฉากที่หลงเข้ามาในสนามรบ” ฮา (หัวเราะทั้งน้ำตา) ที่เข้ามาในตลาดด้วยความหวังที่จะสร้างความมั่งคั่ง พวกเราอาจมีทรัพยากรจำกัด แต่ก็มีความคล่องตัวและสามารถปรับตัวได้รวดเร็ว ทว่าต้องเผชิญกับการรุมโจมตีจากทุกทิศทาง ทั้งจากราชาปีศาจ อัศวิน นักเวทย์ และแม้แต่พ่อค้า จะเอาตัวรอดกันยังไงดีน๊า!?

หลักการทำงานตลาด Forex

ค่าเงินในตลาด Forex จะมีการเคลื่อนไหวขึ้นและลงตามความแข็งค่าและอ่อนค่าของเงิน ซึ่งการที่บ่งบอกว่าสกุลเงินไหนมีความแข็งค่าหรืออ่อนค่ามากกว่ากันนั้น เราจำเป็นที่จะต้องจับคู่สกุลเงินเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น EUR/USD (สกุลเงินยูโรคู่กับสกุลเงินดอลลาร์) เป็นต้น

หลักการดูความแข็งค่าและอ่อนค่า

  • หากกราฟ EUR/USD กำลังอยู่ในขาขึ้นแสดงว่าเงิน EUR แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD
  • หากกราฟ EUR/USD กำลังอยู่ในขาลงแสดงว่าเงิน EUR อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD

การทำกำไรจากตลาด Forex

นักลงทุนใช้การเทรดผ่านโบรกเกอร์ในการทำกำไรจากตลาด ซึ่งการเทรด Forex นั้นจะเทรดเป็นคู่เงิน หมายความว่าถ้าเราซื้อสกุลเงินหนึ่ง เราก็กำลังขายอีกสกุลเงินหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่นเราเทรด EUR/USD ถ้าหากคาดการณ์ว่า EUR จะแข็งค่าขึ้น เราจะซื้อ EUR เก็บไว้และขาย USD ในขณะเดียวกัน

หลักการทำกำไร

  • หากสกุลเงิน EUR แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ USD ตามที่คาดการณ์เอาไว้ เราก็จะได้กำไรจากตลาด
  • หากสกุลเงิน EUR อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับ USD ซึ่งผิดจากที่คาดการณ์ เราก็จะขาดทุนจากตลาดนั่นเอง

สิ่งแรกที่เราต้องเรียนรู้ในตลาด Forex ก็คือสินทรัพย์ในตลาดนั่นก็คือคู่สกุลเงิน คู่สกุลเงินในตลาด Forex มีความหลากหลายและเราจะเลือกสกุลเงินไหนเทรดดี ในตลาดจะมีคู่สกุลเงินอยู่ 3 ประเภท ได้แก่

  1. คู่เงินสกุลหลัก (Major Currency Pair) คือ สกุลเงินของประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยจะจับคู่กับคู่เงิน USD โดยในคู่เงินสกุลหลักมีทั้งหมด 7 คู่ด้วยกันได้แก่ EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, USD/CAD, USD/CHF, AUD/USD และ NZD/USD
  2. คู่สกุลเงินรอง (Minor Currency Pair) คือ การจับคู่ของสกุลเงินหลัก ไม่รวม USD เช่น GBP/JPY, EUR/JPY, EUR/GBP และ GBP/AUD เป็นต้น
  3. คู่สกุลเงินเกิดใหม่ (Exotic Currency Pair) คือ คู่สกุลเงินเกิดใหม่ เป็นการจับคู่ของสกุลเงินในประเทศที่กำลังพัฒนารวมกับสกุลเงินหลัก เช่น THB/USD, SGD/USD, HKD/USD และ EUR/THB เป็นต้น

ลักษณะของแต่ละคู่สกุลเงิน

  1. คู่เงินสกุลหลัก:
    จะเป็นคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูง ปริมาณการซื้อ-ขายสูง ความผันผวนต่ำ และมีค่าบริการในการซื้อขายต่ำ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จึงนิยมเทรดคู่สกุลเงินหลัก

  2. คู่สกุลเงินรอง:
    เป็นคู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงเช่นเดียวกันกับคู่สกุลเงินหลัก มีปริมาณการซื้อขายสูงเช่นกัน มีความผันผวนเล็กน้อย ค่าบริการในการซื้อขายแพงกว่าคู่สกุลเงินหลัก แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของเทรดเดอร์

  3. คู่สกุลเงินเกิดใหม่:
    เป็นคู่เงินที่มีสภาพคล่องต่ำ ปริมาณการซื้อขายต่ำ มีความผันผวนสูงอ่อนไหวกับเหตุการณ์และข่าวสารทางเศรษฐกิจ ค่าบริการแพงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่สกุลเงินอื่นๆ ไม่เป็นที่นิยมของเทรดเดอร์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงินในตลาด Forex

  1. ตัวเลขทางเศรษฐกิจและข่าวสารทางเศรษฐกิจ
  2. การแทรกแซงจากรัฐบาลกลาง
  3. เหตุการณ์สำคัญ เช่น โรคระบาด, สงคราม หรือ การเลือกตั้ง เป็นต้น
  4. การซื้อขายเก็งกำไรของรายย่อย

ถ้าพูดถึงสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในตลาด Forex  ก็คงต้องพูดถึงการกำหนดเป้าหมาย การสร้างกลยุทธ์ และการจัดการความเสี่ยง เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะมีแผนการเทรดและเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงมีการกำหนดความเสี่ยงที่พวกเขารับได้ก่อนเทรดเสมอ

หากเทียบให้การเทรด Forex เป็นเกมแนวต่อสู้

  • แผนการเทรดและกลยุทธ์การเทรดเป็นเหมือน “ดาบ” ที่ใช้โจมตีศัตรูที่มีชื่อว่าตลาด Forex
  • การจัดการความเสี่ยงเป็นเหมือน “โล่” ที่คอยปกป้องเราจากอันตรายของการโจมตีจากตลาด Forex
  • เป้าหมายการเทรดเปรียบเสมือน “ขุมทรัพย์สมบัติ” ที่เราจะได้มาหลังจากฝ่าฟันศัตรู

ศัตรูที่มีพิษมีภัยรอบตัวอย่างตลาด Forex  เตรียมพร้อมที่จะทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ถ้าเรามีแค่ดาบเราอาจจะสู้เขาได้แต่เราก็จะเจ็บตัว หากเราถือดาบและถือโล่ เราก็จะสามารถทั้งรุกและรับได้ในเวลาเดียวกันและยังมีโอกาสที่จะเจ็บตัวน้อยลง ที่สำคัญถ้าเรารู้ว่าเรากำลังต่อสู้ไปเพื่ออะไร เราจะมีกำลังใจที่จะต่อสู้อยู่เสมอเพื่อที่จะคว้าสมบัติที่มีมูลค่า

โบรกเกอร์ Forex เป็นตัวกลางที่พาเราเข้าสู่ตลาด Forex  แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกโบรกเกอร์จะมีความปลอดภัย ก่อนที่เข้าไปเทรดในตลาด Forex นอกจากหาความรู้เกี่ยวกับการเทรดแล้ว เรายังต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถืออีกด้วย แล้วเราจะศึกษาจากอะไรได้บ้าง

ลักษณะของโบรกเกอร์ที่ดีมีความน่าเชื่อถือ

  1. มีการเปิดให้บริการมานาน
  2. ได้รับรางวัลโบรกเกอร์อย่างต่อเนื่อง
  3. มีข้อมูลของโบรกเกอร์บนเว็บไซต์ละเอียดและชัดเจน
  4. ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลจากภาครัฐ ตัวอย่างเช่น FCA, FSA, ASIC และ CYSEC เป็นต้น
  5. ได้รับการรีวิวที่ดีจากผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถดูได้จากสื่อออนไลน์ หรือเว็บไซต์ Forexpeacearmy และ Trustpilot

การเลือกโบรกเกอร์ให้เหมาะสมกับตัวเราเอง

  1. เลือกโบรกเกอร์ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำในคู่เงินที่เราเทรด
  2. เลือกโบรกเกอร์จากบัญชีเทรดที่เหมาะสมกับเรา เช่น บัญชี Cent/ Micro หรือ บัญชี Standard
  3. เลือกจากค่า swap  สำหรับสายเทรดสั้นอาจจะไม่มีปัญหา แต่สำหรับคนเทรดยาวแล้ว การเลือก

โบรกเกอร์ที่ไม่มีค่า swap จะดีกว่า

  1. โปรโมชั่นที่แต่ละโบรกเกอร์ก็มีไม่เหมือนกัน 
  2. มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย 

รวมโบรกเกอร์ Forex ที่ดีที่สุดในไทย ปี 2024

  หลังจากเลือกโบรกเกอร์ได้แล้ว สิ่งต่อมาที่เราต้องทำก็คือการเปิดบัญชีเทรด ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์จะมีวิธีการเปิดบัญชีเทรดที่คล้ายคลึงกัน ไม่แตกต่างกันมากสำหรับใครที่เคยเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์แล้ว ก็จะไม่ยากแต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดบัญชีสามารถทำได้ตาม
วิธีการ ดังต่อไปนี้

วิธีการลงทะเบียนและเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์

  1. เข้าที่หน้าเว็บไซต์ของโบรกเกอร์
  2. กดลงทะเบียน / เปิดบัญชีเทรด 
  3. กรอกอีเมลและรหัสผ่าน
  4. เลือกเปิดบัญชีจริง
  5. กรอกข้อมูลโปรไฟล์ (ข้อมูลส่วนตัว)
  6. แนบบัตรประชาชนและบิลใบเสร็จเพื่อยืนยันตัวตนและที่อยู่ 
  7. ฝากเงินและเทรด

เปรียบเทียบบัญชีเทรดโบรกเกอร์ยอดนิยม

เมื่อทำการเปิดบัญชีเสร็จสิ้นจะมีพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าโทรติดต่อเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโบรกเกอร์ จุดนี้เราสามารถสอบถามข้อสงสัยต่างๆเกี่ยวกับโบรกเกอร์หรือตลาด Forex ได้ และถ้าเพื่อนๆมีการเปิดบัญชีเทรดที่มีโปรโมชั่นก็สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการรับโปรโมชั่นได้เช่นเดียวกัน และทั้งหมดนี้ก็ถือว่าเป็นการเปิดบัญชีโดยสำเร็จเสร็จสิ้นทุกประการ

ในกรณีที่เพื่อนๆมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเปิดบัญชีเทรดของโบรกเกอร์ใด ๆ สามารถโทรติดต่อสอบถามกับฝ่ายบริการลูกค้า หรือค้นหาวิธีการเปิดบัญชีได้จากเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน

การเรียนรู้และทำความเข้าใจกับแพลตฟอร์มการเทรดในตลาด Forex  สำคัญมาก เพราะว่าข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ของเทรดเดอร์มือใหม่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเทรดจริง เนื่องจากความไม่คุ้นเคยและการใช้งานแพลตฟอร์มที่ไม่คล่องแคล่วนั่นเอง

แพลตฟอร์มการเทรดในตลาด Forex มีแพลตฟอร์มใดบ้าง

  1. เว็บเทรด 
  2. MetaTrader 4 / MetaTrader 5 (MT4/MT5) (ต้องเชื่อมต่อกับโบรกเกอร์ก่อนใช้งาน)

วิธีการเชื่อมต่อโบรกเกอร์กับ MetaTrader

  1. เข้าหน้าต่างตั้งค่าและกดเพิ่มบัญชี
  2. เลือกเปิดบัญชีที่มีอยู่แล้ว
  3. เลือก Server  ตามบัญชีเทรดที่เปิดจากโบรกเกอร์ 
  4. ใส่เลขบัญชีเข้าสู่ระบบและใส่รหัสผ่าน

การใช้งานแพลตฟอร์มการเทรด MetaTrader เบื้องต้น (แอปมือถือ) 

  • หน้าต่างของแอปประกอบด้วย 5 หน้าต่าง
  • คู่เงินและสินทรัพย์: ใช้สำหรับเลือกคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่ต้องการเทรด และดูรายละเอียดต่างๆ
  • กราฟ:
    แสดงกราฟราคาของคู่สกุลเงินที่เราเลือก สามารถเพิ่มตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicators) และเครื่องมือวาด (Drawing tools) เพื่อช่วยในการวิเคราะห์
  • สถานะการเทรด:
    แสดงสถานะของออเดอร์ที่เปิดอยู่ ทั้งออเดอร์ที่กำลังรอการดำเนินการ (Pending Orders) และออเดอร์ที่เปิดแล้ว (Open Positions)
  • ประวัติการเทรด:
    แสดงประวัติการเทรดที่ผ่านมา ทั้งออเดอร์ที่ปิดแล้ว (Closed Positions) และผลกำไร/ขาดทุน
  • การตั้งค่า:
    ใช้สำหรับปรับแต่งการตั้งค่าต่างๆ ของแอปพลิเคชั่น เช่น ภาษา, รูปแบบกราฟ, การแจ้งเตือน

หมายเหตุ ฟังก์ชั่นการใช้งานของ Metatrader4 และ Metatrader5 มีวิธีการใช้งานที่คล้ายคลึงกัน มีส่วนแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การฝึกเทรดบนบัญชีทดลองมักเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่มองข้าม แต่รู้หรือไม่ว่าบัญชีทดลองที่โบรกเกอร์ให้มานั้นมีความสำคัญอย่างมากเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นอย่ามองข้ามมันไป

บัญชีทดลองคืออะไร

  • บัญชีทดลอง (Demo Account) เป็นบัญชีเทรดเสมือนจริง ที่มีฟังก์ชันทุกอย่างครบถ้วนพร้อมให้กับเทรดเดอร์ บัญชีนี้จะใช้เงินเสมือนจริงในการเทรด ซึ่งเป็นการเทรดโดยไร้ความเสี่ยง ทำให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถฝึกฝนก่อนจะเสี่ยงด้วยเงินจริงนั่นเอง

ประโยชน์ของบัญชีทดลอง

  1.  สร้างความคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์มการเทรด
  2. เรียนรู้การเคลื่อนไหวของตลาด Forex
  3. การฝึกฝนการเทรดสำหรับมือใหม่โดยไม่มีความเสี่ยง
  4. ใช้ทดสอบกลยุทธ์เทรดที่เริ่มสร้างขึ้นมาใหม่
  5. ใช้ในการเรียกความมั่นใจในการเทรด
  6. ใช้ในการจัดการกับอารมณ์เชิงลบที่พบจากการเทรด 

สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อเทรดบัญชีทดลอง

  • ควรตั้งค่าจำนวนเงินให้เหมือนกับบัญชีเทรดจริงเพื่อสร้างความเสมือนจริงให้ได้มากที่สุด
  • เทรดบัญชีทดลองให้เหมือนกับบัญชีจริง เทรดตามแผนการเทรดไม่นอกแผน
  • ตั้งเป้าหมายในบัญชีทดลองให้ชัดเจนซึ่งสามารถนำไปต่อยอดใช้งานจริงได้

การสร้างแผนการเทรดขึ้นมา 1 แผน เราจำเป็นที่จะต้องรู้จักการวิเคราะห์ทิศทางของตลาดให้ได้ และหนึ่งในวิธีการวิเคราะห์ตลาดที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้กันก็คือการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งการวิเคราะห์ในรูปแบบนี้เหมาะกับการเทรดในระยะสั้นจนถึงระยะกลาง

การวิเคราะห์ทางเทคนิคคืออะไร

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคคือการนำข้อมูลพฤติกรรมของราคาและตัวเลขเชิงสถิติมาวิเคราะห์และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต 
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้อินดิเคเตอร์ เครื่องมือวาด หรือแผนภูมิ Fibonacci ในการวิเคราะห์

เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีมุมมองต่อตลาดอย่างไร

  • เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมีมุมมองที่ว่า “การเคลื่อนไหวของราคาในอดีตจะเกิดซ้ำขึ้นอีกในปัจจุบันและอนาคต” โดยใช้การอ้างอิงจากสถิติที่เกิดขึ้น 

รู้จักกับอินดิเคเตอร์ 

  • อินดิเคเตอร์(ตัวบ่งชี้) เป็นกราฟิกที่ถูกแสดงขึ้นบนกราฟโดยอ้างอิงจากสถิติของราคาในอดีต
  • อินดิเคเตอร์จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทได้แก่ 
    • อินดิเคเตอร์บ่งบอกทิศทางของตลาด เช่น MA , EMA และ Parabolic SAR
    • อินดิเคเตอร์ชี้วัดความผันผวน เช่น ATR และ Bollinger Bands
    • อินดิเคเตอร์ชี้วัดโมเมนตัม เช่น MACD, Stochastic และ RSI
    • อินดิเคเตอร์ชี้วัดปริมาณการซื้อขาย เช่น Volume, Money Flow Index

รู้จักกับแผนภูมิ Fibonacci

  • เป็นแผนภูมิที่ใช้คาดการณ์จุดย่อของราคา และเป้าที่ราคาอาจจะวิ่งไปถึง

รู้จักกับเครื่องมือวาด

  • เครื่องมือที่ใช้ตีกรอบ ตีเส้นแนวโน้มหรือแนวรับ-แนวต้าน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ทิศทางของตลาด

การวิเคราะห์ทิศทางของตลาดนอกจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค ยังมีการวิเคราะห์อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่าการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน ซึ่งการวิเคราะห์รูปแบบนี้เหมาะกับการเทรดในระยะยาว

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานคืออะไร

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มในภาพรวมของตลาดโดยใช้ข้อมูลจากตัวเลขทางเศรษฐกิจ ข่าวสารทางเศรษฐกิจ และเหตุการณ์สำคัญ 

เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีมุมมองต่อตลาดอย่างไร

  • เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะมองว่าทุกสินทรัพย์มีมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งสะท้อนผ่านตัวเลขที่ทางรัฐบาลหรือบริษัทประกาศออกมา (ในตลาด Forex ก็คือตัวเลขทางเศรษฐกิจ) โดยพวกเขาจะนำตัวเลขหลายส่วนมาประกอบกัน และวิเคราะห์ทั้งภาพรวมและภาพย่อยเพื่อหามูลค่าที่แท้จริง

ข่าวสารทางเศรษฐกิจใดบ้างที่ส่งผลต่อตลาด Forex

  1. การประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง
  2. CPI ตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศ
  3. GDP  ตัวเลขการชี้วัดการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ
  4. Retail sale  ตัวเลขยอดขายในระดับค้าปลีก
  5. Unemployment rate ตัวเลขอัตราการว่างงาน
  6. Non-Farm payroll ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของประเทศสหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาด Forex

  1. การเลือกตั้ง การประกาศนโยบายทางเศรษฐกิจ
  2. ภาวะสงคราม
  3. การแพร่ระบาดของโรค
  4. การล่มสลายของสถาบันทางการเงิน

กลยุทธ์การเทรดคืออาวุธที่เราใช้ต่อสู้กับตลาด Forex  เป็นสิ่งจำเป็นที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องมี การเทรดแบบมีแบบแผนมีกลยุทธ์จะทำให้เราสามารถมั่นคงและยืนระยะในตลาดนี้ได้
ยังจำได้ไหมครับว่าในตลาดนี้มีใครบ้าง? มีทั้งราชาปีศาจผู้ทรงพลังอย่างธนาคารกลาง อัศวินผู้แข็งแกร่งอย่างสถาบันการเงิน นักเวทย์ผู้ลึกลับอย่างกองทุน Hedge Fund และพ่อค้าผู้เดินทางอย่างบริษัทข้ามชาติ แล้วเราหล่ะ? เราเป็นแค่นักผจญภัยตัวเล็กๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเหล่านี้ ได้ยินแล้วแทบท้อแท้ เราจะเอาตัวรอดในสนามรบ Forex ยังไง เหลือทางเลือกไหนให้ฉันบ้าง? คำตอบอยู่ที่ กลยุทธ์ การเทรดครับ
มีด..ดาบ.. โล่.. นาทีนี่มีอะไรก็ต้องงัดมาใช้กันให้หมด

รู้สไตล์การเทรดเพื่อสร้างกลยุทธ์

อาวุธแต่ละรูปแบบมีวิธีการใช้แตกต่างกัน กลยุทธ์การเทรดก็เช่นเดียวกัน ทุกกลยุทธ์มีวิธีในการทำกำไรที่แตกต่างกัน ดังนั้นจุดเริ่มต้นของการสร้างกลยุทธ์ คือต้องรู้สไตล์การเทรดของตัวเองเสียก่อน

  • Scalping:
    การเทรดทำกำไรในระยะสั้น จบการเทรดในหลักนาทีถึงหลักชั่วโมง
  • Day Trading:
    การเทรดทำกำไรในระยะสั้น จบการเทรดใน 1 วัน
  • Swing Trading:
    เป็นการเทรดระยะยาว จบการเทรดใน 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน
  • Position Trading:
    เป็นการเทรดที่เหมือนกับการลงทุน จบการเทรดในหลักเดือนจนถึงหลักปี

แต่ละสไตล์การเทรดต้องการกลยุทธ์แบบไหน

  • Scalping และ Day Trading:
    ต้องการกลยุทธ์ที่บอกจุดเข้าที่ชัดเจน มีความแม่นยำสูง รองรับสภาพตลาดผันผวนได้ดี และเหมาะกับการเทรดในระยะสั้น
  • Swing Trading และ Position Trading:
    ต้องการกลยุทธ์ที่บอกจุดเข้าชัดเจน มีความแม่นยำ สามารถถือ Position ได้นาน ถือทำกำไรได้จนสุดเทรนด์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ได้มากที่สุด กลยุทธ์ต้องเหมาะกับการเทรดในตลาดที่เป็นเทรนด์ระยะยาว หรือบอกจุดกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำ 

การค้นหากลยุทธ์และการสร้างกลยุทธ์
ปัจจุบันนี้การค้นหากลยุทธ์การเทรดเป็นเรื่องง่ายเพราะมีข้อมูลทั้งในหนังสือ คอร์สสอนเทรด และในสื่อออนไลน์มากมาย ซึ่งเราสามารถเลือกกลยุทธ์มาใช้และนำมาปรับปรุงให้เป็นของตัวเองได้  โดยมีคีย์เวิร์ดในการค้นหาดังนี้

  • Scalping Trading Strategy 
  • Day Trading Strategy 
  • Swing Trading Strategy 
  • Position Trading Strategy 

สิ่งที่ควรทำหลังจากค้นหากลยุทธ์การเทรด

เมื่อเราได้กลยุทธ์มา 1 กลยุทธ์ อย่าเพิ่งรีบร้อน! เอาไปเทรดจริงในตลาด  แต่เราควรนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นฉบับของตัวเองเสียก่อน โดยสิ่งที่ควรทำมีดังนี้

  1. ศึกษาการใช้งานกลยุทธ์การเทรดให้ชำนาญ และพัฒนาต่อยอดกลยุทธ์
  2. ทดสอบกลยุทธ์ที่ค้นหามากับคู่เงินที่ต้องการเทรด และจดบันทึกในเชิงสถิติ
  3. ปรับปรุงแก้ไขกลยุทธ์ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเอง
  4. ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เมื่อรู้สึกว่ากลยุทธ์นั้นใช้งานไม่ได้

กลยุทธ์เทรด Forex ระดับเซียน

“ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” การพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเองต้องใช้เวลาและความอดทน อย่ารีบร้อนจนเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็น “เร็วๆ ได้พร้าหักคามือ”
ศึกษา ทำความเข้าใจ ทดลองใช้ และประเมินผล ทำซ้ำไปเรื่อย ๆๆ แล้วสักวันคุณจะเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จะต้องมีกลยุทธ์ที่พาคุณไปสู่ความสำเร็จในตลาด Forex ได้อย่างแน่นอน

การจัดการความเสี่ยงเป็นเกราะป้องกัน เหมือนโล่ที่เราเอาไว้รับมือกับตลาด Forex  การจัดการความเสี่ยงที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้เราพอร์ตแตก และเรียนรู้กับตลาดได้นานมากขึ้น และจะมีวิธีใดบ้างที่จะช่วยเราจัดการความเสี่ยงได้ มาดูกันเลย!

กำหนดขนาด Lot Size ก่อนเทรด

Lot Size คือ หน่วยวัดปริมาณของสกุลเงินที่เราทำการซื้อขายในการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งการกำหนดขนาด Lot Size ให้พอดีกับขนาดพอร์ตเป็นสิ่งที่จำเป็น ถ้าขนาดใหญ่เกินไปพอร์ตก็อาจแตกง่าย (เสี่ยงขาดทุนจนพอร์ตบ๋อแบ๋) แต่ถ้าขนาดเล็กเกินไปการเติบโตก็จะช้าด้วยเช่นเดียวกัน 

วิธีหา Lot Size ที่เหมาะสมดังนี้

  1. เข้าเว็บไซต์ Google และค้นหา Lot Size Calculator
  2. เลือกเว็บไซต์ cashbackforex
  3. กรอกข้อมูล คู่เงินที่เทรด, สกุลเงินในพอร์ต, ระยะ Stop loss ( จำนวนปี๊บ), จำนวนเงินในพอร์ต, ความเสี่ยงที่รับได้ และ ขนาดยูนิตของสัญญา (บัญชี Standard เท่ากับ 100,000 ยูนิต และ บัญชี  Cent / Micro เท่ากับ 1,000 ยูนิต)
  4. กดคำนวณเพื่อหา Lot Size

เข้าใจ Lot ใน Forex ง่ายๆ

ความเสี่ยงที่เหมาะสมในการเทรด 1 ครั้งอยู่ที่ 1% ถึง 5% หรืออยู่ในเกณฑ์ที่เรารับไหว

การใช้คำสั่ง Stop loss

ถ้าไม่อยากพอร์ตแตกต้องรู้จักที่จะยอมแพ้ รู้ว่าเราควรขาดทุนได้แค่ไหน เมื่อเราเปิดออเดอร์เทรด เราสามารถตั้งคำสั่ง Take profit ( TP คือปิดทำกำไร) และ Stop loss ( SL คือปิดขาดทุน) ทุกการเทรดเราต้องตั้ง TP และ SL เสมอ เพื่อการันตีกำไรและเพื่อป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป

ข้อดีของคำสั่ง Stop loss

  1. ป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไป
  2. รักษาจำนวนเงินพอร์ตให้สามารถเทรดในครั้งถัดไปได้
  3. สามารถนำมาใช้คำนวณอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงได้ 
  4. ทำให้การเทรดเป็นอัตโนมัติ 
  5. สร้างวินัยในการจัดการความเสี่ยง

วิธีการใช้ Stop loss

  1. Stop loss แบบตายตัว ไม่มีการเลื่อนขึ้น-ลงเมื่อราคาเคลื่อนไหว
  2. Trailing stop  หากราคาวิ่งไปในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ จะเลื่อนจุด Stop loss  ไปตามทิศทางของราคานั้นๆ เพื่อลดโอกาสการขาดทุน  และเพิ่มโอกาสการได้กำไร

เมื่อเราเทรดในตลาด Forex หรือตลาดเงินตลาดทุนอื่นๆ นอกจากจะต้องต่อสู้กับความผันผวนของราคาเป็นรถไฟเหาะตีลังกาแล้ว  อีกศัตรูที่ร้ายกาจไม่แพ้กันก็คือ “อารมณ์” ของเราเอง
ใจมันช่างร้อนรุ่ม หัวก็ร้อน เหงื่อไหลเป็นน้ำตก ยิ่งกว่ากินมาม่าเผ็ดเกาหลีสิบห่อแล้วซดน้ำหมดโอ่ง!! ใครที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี มีจิตวิทยาการเทรดที่แข็งแกร่ง ยึดมั่นทำตามแผนที่วางเอาไว้ (ตอนสติยังอยู่ครบถ้วน) ก็มีโอกาสอยู่รอดและประสบความสำเร็จในตลาดได้ในระยะยาว
เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครวางแผนโดดบันจี้จัมพ์โดยไม่ใส่เชือกตอนอารมณ์ปกติหรอก จริงมั้ยครับ!?

จิตวิทยาการเทรดคืออะไร 

  • ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจในขณะที่เทรด เทรดเดอร์ที่มีจิตวิทยาการเทรดที่ดีควบคุมอารมณ์ได้ดี การเทรดจะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา และการพัฒนาการเทรดจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด 
    เชื่อผมเถอะครับ ความรู้กราฟตามกันได้ทัน ไม่ยากเลย แต่การฝึกจิตวิทยาการเทรดเนี่ยแหละครับ คือ กำแพงยักษ์ ที่ขวางกั้นระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่น
    และน้อยคนมากจริงๆครับ ที่จะปีนข้ามมันไปได้ จำที่ผมบอกไว้ตอนต้นได้ไหมครับ มีแค่ 1% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ  นั่นแหละครับ ด่านนี้แหละที่คนจำนวนมากไม่สามารถก้าวข้ามได้ ใครใจไม่แข็งพอ…ก็ต้องกลับบ้านเก่าไป

อารมณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด Forex

  1. ความโลภ
  2. ความกลัว
  3. ความโกรธ
  4. ความกังวล 
  5. ความมั่นใจ
  6. ความตื่นเต้น

ถ้าเราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ขณะเทรดจะเป็นอย่างไร

  1. มีโอกาสที่จะเสียเงินมากกว่าได้กำไร
  2. สร้าง mindset การพนันซึ่งเป็นเหมือนยาพิษที่ร้ายแรงสำหรับอาชีพเทรดเดอร์
  3. รู้สึกท้อถอยกับการเทรดได้ง่าย 
  4. ทำลายวินัยในการเทรด

วิธีการควบคุมอารมณ์เมื่อเทรดในตลาด Forex

  1. เทรดตามแผนที่เราได้วางเอาไว้
  2. เทรดในความเสี่ยงที่เรารับได้ 
  3. จดบันทึกการเทรดและทำสถิติการเทรดเสมอ
  4. ผ่อนคลายจากการเทรดเป็นประจำ

การเทรด Forex ไม่ใช่แค่การแข่งขันกับตลาด แต่มันคือ “การแข่งขันกับตัวเอง” ด้วย

ใครที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ก็มีโอกาสชนะมากกว่า

ถ้าอยากมีพัฒนาการเทรดอย่างรวดเร็ว อยากมีกลยุทธ์การเทรดที่แม่นยำและสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ห้ามละเลยก็คือการประเมินผลการเทรดเป็นประจำ ซึ่งการประเมินผลนั้นเราจะได้จากการจดบันทึกการเทรดเป็นประจำนั่นเอง

Trading Journal สมุดบันทึกการเทรดที่เทรดเดอร์ขาดไม่ได้

คนปกติ เขาก็มีไดอารี่ไว้จดเรื่องราวชีวิต สุข..เศร้า..เหงา..รัก.. สะท้อนความก้าวหน้าของตัวเอง หรือระบายความในใจ สำหรับเทรดเดอร์อย่างเราก็มีเช่นเดียวกัน เป็นไดอารี่การเทรด (Trading Journal) ของตัวเอง เพื่อเป็นการประเมินผลว่ากลยุทธ์การเทรดดีหรือไม่? มีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุง? และสิ่งใดที่สามารถต่อยอดได้? เป็นการสะท้อนตัวเองว่าเราพัฒนาในสายอาชีพนี้มากน้อยเพียงใด พูดง่าย ๆก็คือ เอาไว้จดว่าวันนี้เทรดได้กำไรหรือขาดทุน (แอบบ่นเรื่องเจ้านายในนี้ก็ได้นะ อิอิ) ที่สำคัญ มันจะช่วยให้เราวิเคราะห์กลยุทธ์ตัวเองได้ด้วยนะเออ จะได้รู้ควรต้องปรับปรุงตรงไหน หรือจะเอาตรงไหนไปอวดชาวบ้านต่อดี

ต้องจดอะไรบ้างใน Trading Journal

  1. แผนการเทรด 
  2. คู่เงินที่เทรด
  3. วันที่และเวลา
  4. ขนาด Lot Size
  5. ออร์เดอร์ที่ทำการเทรด (ราคาเข้า ราคาปิดออเดอร์)
  6. Screenshot ของการเทรด
  7. ระยะเวลาการเทรด 
  8. ผลกำไร/ขาดทุน และ Risk Reward Ratio
  9. อัตราชนะ
  10. อารมณ์ขณะที่ทำการเทรด 

ข้อดีของการมี  Trading Journal

  • สร้างวินัยในการเทรด
  • รู้สถิติการเทรดของตัวเอง
  • รู้จุดแข็งแล้วจุดอ่อนของกลยุทธ์ 
  • รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง 
  • ทำให้รู้ข้อผิดพลาดและสามารถปรับปรุงแก้ไขในอนาคตได้
  • ตัวเลขสถิติที่ได้จากการจดบันทึกสามารถนำไปปรับปรุงกลยุทธ์ได้ 

เว็บไซต์สำหรับการจดบันทึกการเทรด

Myfxbook

เพื่อน ๆ เคยรู้สึกกันไหมว่ากลยุทธ์การเทรดที่เราได้ไปเรียนรู้มาหรือค้นหาจากสื่อออนไลน์มา…มันไม่เวิร์คเลย ซึ่งสาเหตุมันก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพราะกลยุทธ์ไม่เข้ากับคู่เงินที่เราเทรด หรือกลยุทธ์ไม่เหมาะกับสไตล์การเทรดของเรา หรือตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไปไวกว่าแฟชั่น ทำให้กลยุทธ์เราทำงานได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราควรจดบันทึกการเทรดและปรับปรุงกลยุทธ์อยู่เสมอ

ทำไมเราต้องปรับปรุงกลยุทธ์

  • เพื่อสร้างกลยุทธ์ให้มีประสิทธิภาพและมีความแม่นยำมากขึ้น
  • เพื่อให้กลยุทธ์ที่เราได้เรียนรู้มาสามารถใช้กับคู่เงินที่เราต้องการได้
  • เพื่อให้กลยุทธ์เหมาะกับสไตล์การเทรดของเรา
  • เพื่อให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เป็นปัจจุบัน
  • เพื่อเพิ่มกำไรและลดการขาดทุน 

วิธีการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรด

  1. หาตัวบ่งชี้อุดรอยรั่วของกลยุทธ์
    ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ เราอาจจะหา Indicator ที่สามารถบอกแนวโน้มของเทรนด์ในตลาดระยะยาวเข้ามาเพิ่ม เพื่อให้สามารถก้าวข้ามช่วงตลาด Sideway ไปได้
  2. ปรับค่าพารามิเตอร์
    Indicator ทุกตัวจะมีค่าเบื้องต้นที่ถูกตั้งไว้เป็นมาตรฐาน แต่บางครั้งค่าดังกล่าวก็ไม่ได้เหมาะกับสภาวะตลาดหรือคู่เงินนั้นๆ ดังนั้นการเลือกปรับค่าให้มากขึ้นหรือน้อยลงก็จะช่วยให้กลยุทธ์ของเราดีขึ้นได้
  3. เสริมจุดแข็งด้วยกลยุทธ์อื่น เมื่อเรารู้แล้วว่าจุดอ่อนของกลยุทธ์ที่เราใช้งานคืออะไร เราสามารถนำบางส่วนของกลยุทธ์อื่นมาใช้ในการกลบจุดอ่อนของกลยุทธ์เราได้ 
  4. ปรับอัตรากำไรตาม Risk:Reward หากกลยุทธ์ที่เราเทรดมีความแม่นยำแต่กำไรต่ำ เราสามารถเพิ่มอัตราผลกำไรได้ โดยการใช้ Risk:Reward แต่ต้องเพิ่มในอัตราส่วนที่เป็นไปได้ตามระยะการเคลื่อนไหวของตลาด
  5. ทดสอบระบบหลังพัฒนา
    เป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามลืม! หลังจากพัฒนาระบบแล้วอย่าลืมนำกลยุทธ์ที่พัฒนาไปทดสอบกับคู่เงินที่เทรดอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้รู้ว่ากลยุทธ์ที่ปรับปรุงนั้นดีขึ้นมากน้อยเพียงใด

การรู้เท่าทันเหตุการณ์ในตลาดก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง ที่จะทำให้การเทรดของเราพัฒนา อย่าละเลยข่าวสารทางเศรษฐกิจ เพราะบางครั้งมันเป็นจุดเริ่มต้นการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด Forex  นอกจากข่าวสารทางเศรษฐกิจแล้ว บทวิเคราะห์ตลาดก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนควรอ่าน เพราะว่าบทวิเคราะห์สามารถช่วยแชร์มุมมองของตลาด และช่วยให้เรานั้นวางแผนการเทรดได้แม่นยำมากขึ้น

ติดตามข้อมูลข่าวสารได้จากที่ใดบ้าง

  • ช่องข่าวเศรษฐกิจ
  • บทความจากกลุ่มชุมชนเทรดเดอร์
  • สื่อออนไลน์ที่ทำเนื้อหาเรื่องเศรษฐกิจ

รวมเว็บไซต์ติดตามข่าว Forex และบทวิเคราะห์ตลาด ที่น่าสนใจ

  • Forex Factory  เว็บไซต์ข่าวและปฏิทินทางเศรษฐกิจยอดนิยม
  • Daily FX เว็บไซต์ข่าวสารและบทวิเคราะห์ 
  • Forexlive เว็บไซต์ข่าวและบทวิเคราะห์ทางเทคนิค 
  • Bloomberg เว็บไซต์ข่าวสารตลาด Forex ทั่วทุกมุมโลก
  • CME Fedwatch เว็บไซต์คาดการณ์แนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยของ FED

ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อข่าวสารและตัวเลขทางเศรษฐกิจอย่างมาก การพลาดข่าวสารสำคัญไป อาจส่งผลให้เราวิเคราะห์ตลาดผิดพลาดได้เลย เพราะฉะนั้นหมั่นติดตามข่าวสารและปฏิทินเศรษฐกิจทุกๆสัปดาห์ กราฟก็สำคัญ ข่าวก็ห้ามพลาด เหมือนเวลาเราเล่นเกม ถ้าไม่รู้ว่าบอสจะโผล่มาตอนไหน ก็โดนตบตายเรียบสิครับ

หลายคนเริ่มต้นการเทรดเพราะมีแรงบันดาลใจว่า จะมีอิสรภาพทางการเงิน แต่การเทรดมันไม่ใช่เรื่องง่าย การที่จะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางเอาไว้…นอกจากแรงบันดาลแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “วินัย”

ทำไมวินัยถึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ

  • การเทรดคือเกมระยะยาว การเทรดที่ประสบความสำเร็จคือการเทรดที่สามารถยืนระยะและสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง การเทรดคือมาราธอน เพราะฉะนั้นวินัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เราสามารถยืนระยะในอาชีพนี้ได้
  • ช่วยให้ก้าวข้ามสภาวะอารมณ์แย่ ๆ
    ตลาด Forex มีแต่อารมณ์เชิงลบ แต่วินัยจะทำให้เราสามารถก้าวข้ามอารมณ์เชิงลบเหล่านั้นได้และมุ่งมั่นทำตามแผนการที่วางเอาไว้จนสำเร็จ
  • เพิ่มโฟกัสและลดข้อผิดพลาด
    หากเราเทรด Forex อย่างมีวินัยเราจะโฟกัสอยู่ที่แผนการเทรดของตัวเองและไม่ทำนอกแผนที่วางเอาไว้ ซึ่งจะช่วยให้เราเพิ่มโอกาสที่จะชนะและลดข้อผิดพลาดลงได้อย่างมหาศาล

วิธีสร้างวินัยการเทรด

  • ทำตามแผนการเทรดเสมอ 
  • จดสถิติลงบันทึกการเทรดเป็นประจำ 
  • หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดจากการเทรดให้ได้มากที่สุด
  • พักผ่อนให้เป็นเวลา
  • จัดตารางการเทรดของตัวเอง 
  • ฝึกควบคุมอารมณ์ระหว่างเทรด 

วินัยคือเพื่อนแท้ของเทรดเดอร์ เพราะในโลกของการเทรด มีเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถควบคุมตัวเองได้ดีพอที่จะยืนหยัดอยู่ได้ในระยะยาว การมีวินัยคือสิ่งที่จะแยกคุณออกจากคนส่วนใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้คุณเป็นหนึ่งใน 1% ของเทรดเดอร์ที่อยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ครับ 🙂

ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีได้ก้าวล้ำทันสมัยไปมาก เทคโนโลยีในการเทรดเองก็เช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้หลายๆคนมีการเขียนซอฟต์แวร์เพื่อเทรดโดยเฉพาะ โดยเราไม่จำเป็นที่จะต้องเทรดด้วยตัวเอง มีเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถวิเคราะห์กราฟได้เร็วขึ้น 

ซอฟต์แวร์และเครื่องมือช่วยในการเทรดมีอะไรบ้าง

  • EA (Expert Adivsor) คือโปรแกรมการเทรดที่เทรดเดอร์สร้างขึ้น เพื่อให้การเทรดเป็นอัตโนมัติ 
  • TradingView คือเว็บไซต์ดูกราฟที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะอินดิเคเตอร์ที่หลากหลาย ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างรวดเร็ว
  • Finviz เว็บไซต์ช่วยวิเคราะห์ความแข็งค่าและอ่อนค่าของคู่เงินในตลาด Forex

ประโยชน์ของการใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือช่วย

  • ตัดอารมณ์ความรู้สึกอย่างเห็นผล
  • ช่วยให้วิเคราะห์ตลาดรวดเร็วขึ้นและง่ายดายมากขึ้น
  • เพิ่มเวลาว่างให้กับเทรดเดอร์ 
  • ทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtest) ได้
  • ทำให้มีกลยุทธ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นเหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเอง 

ข้อเสียของการใช้ซอฟต์แวร์ในการเทรด

  • บางครั้งอาจเกิดปัญหาทางด้านเทคนิค 
  • ไม่สามารถรับมือกับความผันผวนได้
  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  • ไม่ได้สอนวิธีการเทรดที่ถูกต้อง 
  • เทรดเดอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เทรดจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง

แหล่งในการเรียนรู้และสร้าง EA

  • เว็บไซต์ MQL5  เป็นแหล่งซื้อขาย EA  และแบ่งปันโค้ดสร้าง EA

การสร้างอินดิเคเตอร์ของตัวเอง

  • Tradingview มีโค้ดเขียนโปรแกรมชื่อ Pine script เพื่อให้เทรดเดอร์ได้สร้างอินดิเคเตอร์รูปแบบใหม่ หรือรวมอินดิเคเตอร์เข้าด้วยกัน ด้วยเหตุนี้ Tradingview จึงเป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือที่เพียบพร้อมในการวิเคราะห์กราฟมากและเต็มไปด้วยคุณภาพ

หลายคนอาจกำลังมองหากลยุทธ์ที่สร้างกำไรจากการเทรดในตลาด Forex  แต่อีกวิธีหนึ่งในการสร้างกำไรจากตลาด Forex ก็คือการลดข้อผิดพลาดในการเทรดให้ได้มากที่สุด ซึ่งข้อผิดพลาดส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจากตัวเราเอง

ข้อผิดพลาดในการเทรดมีอะไรบ้าง

  1. เทรดไม่มีแบบแผน
  2. ใช้อารมณ์ในการเทรด
  3. ไม่คำนวณขนาด lot  ก่อนเทรด 
  4. ไม่จัดการความเสี่ยงก่อนที่จะเทรด 
  5. กลัวที่จะขาดทุนจึงไม่ตั้ง Stop loss 
  6. ใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไป
  7. เทรดตามเซียน 
  8. ละเลยการจดบันทึกการเทรด 
  9. เริ่มต้นเทรดหลายตลาด
  10. ไล่ราคาตลาด

วิธีลดข้อผิดพลาดจากการเทรดให้เห็นผล

  1. สร้างแผนการเทรด การมีแผนการเทรดจะทำให้เราไม่เทรดตามอารมณ์ของตัวเอง และช่วยสร้างวินัยที่จะทำตามแผนเพื่อการเทรดอย่างยั่งยืน
  2. ยึดมั่นในแผนการเทรดของตัวเอง
    ตลาด Forex มีหลากมุมมองหลากความคิด ไม่มีใครเทรดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจงเชื่อมั่นในแผนการเทรดของตัวเองเพราะบางครั้งความคิดของเราอาจจะถูกและความคิดของคนอื่นอาจจะผิดก็เป็นได้
  3. คำนวณความเสี่ยงทุกครั้ง ก่อนที่จะเทรดต้องคำนวณความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ คำนวณขนาดของ lot ให้พอดีกับความเสี่ยงเพื่อให้พอร์ตไม่แตกเร็วเกินไป ใช้เลเวอเรจที่พอดี เพราะใช้สูงเกินไปก็จะทำให้ความเสี่ยงนั้นเพิ่มมากขึ้น
  4. จดบันทึกการเทรดเสมอ การจดบันทึกการเทรดช่วยให้เราเห็นข้อผิดพลาดทั้งหมดของตัวเราเองได้ดีที่สุด และเป็นตัวช่วยให้เราสามารถเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและนำไปพัฒนาต่อยอดได้
  5. เรียนรู้ที่จะใช้ Risk Reward การใช้อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนทำให้เราสามารถรู้ว่าจุดคุ้มทุนอยู่ที่ไหน  กำไรเท่าไหร่ถึงจะคุ้มค่ากับความเสี่ยง ซึ่งจะช่วยทำให้พอร์ตเติบโตได้ในระยะยาว
  6. เริ่มต้นการเทรดด้วยสินทรัพย์เดียวและตลาดเดียว การเทรดเพียง 1 สินทรัพย์ช่วยเพิ่มโฟกัสและทำให้เราเรียนรู้ตลาดได้อย่างรวดเร็ว รู้ข้อผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไขได้ง่าย

ถึงแม้ว่าเราจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่แต่การเรียนรู้เทคนิคการเทรดหลายๆเทคนิค โดยเฉพาะกับเทคนิคชั้นสูง ทำให้เราได้เปรียบคนอื่นๆและยังสามารถนำกลยุทธ์การเทรดหรือเทคนิคการเทรดเหล่านั้นมาปรับให้เข้ากับกลยุทธ์ของตัวเองได้อีกด้วย

เทคนิคการเทรด Forex ชั้นสูงมีอะไรบ้าง

  • SMC/ICT เทคนิคการเทรดตามรายใหญ่โดยอ้างอิงจากโครงสร้างตลาดและหาจุดเข้าในช่วงที่ตลาดย่อ เป็นเทคนิคที่ใช้งานค่อนข้างยาก แต่มีประสิทธิภาพในการทำกำไรสูง
  • Fibonacci Retracement เทคนิคที่ใช้แผนภูมิฟิโบนักชีในการหาจุดย่อของราคาและซื้อในโซนที่ราคาถูกเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า เทคนิคที่เรียนรู้ง่ายประสิทธิภาพทำกำไรสูง สามารถคาดการณ์เป้าในการทำกำไรได้
  • Demand/Supply
    เป็นเทคนิคที่คล้ายคลึงกับแนวรับแนวต้าน โดยการหาบริเวณที่คนต้องการซื้อและต้องการขายสินค้าเป็นจำนวนมากและเข้าเทรดบริเวณนั้น สามารถเล่นได้ทั้งแบบเทรนด์และ Sideway
  • Chart Pattern เป็นเทคนิคที่ใช้การอ่านรูปแบบกราฟ และคาดการณ์ทิศทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นเทคนิคที่ใช้เส้นแนวรับแนวต้านและเส้นแนวโน้มเข้ามาประกอบ
  • แนวรับ/แนวต้าน
    เทคนิคที่ทุกคนต้องรู้จัก เป็นเทคนิคพื้นฐานหลายคนไม่ได้สนใจ แต่เทรดเดอร์มือโปรนิยมใช้งาน สามารถเทรดได้ทั้งในสภาวะตลาดที่เป็นเทรนด์และตลาด Sideway
  • Elliot Wave เทคนิคในการนับคลื่นการเคลื่อนไหวของราคาที่มีพื้นฐานมาจากโครงสร้างตลาด เป็นเทคนิคชั้นสูงที่ต้องอาศัยความชำนาญในการคาดการณ์ราคา 

เทคนิคชั้นสูงอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • EMA PullBack
  • RSI Divergence 
  • Bollinger Band
  • Breakout

ช่องทางในการศึกษาการใช้งานเทคนิค

  • YouTube (สามารถค้นหาด้วยชื่อกลยุทธ์)
  • หนังสือกลยุทธ์การเทรด
  • บทความจากเว็บไซต์

ถ้าการเทรดคนเดียวแล้วทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกยังไม่มั่นใจ
ชุมชน Forex เป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยให้เราสามารถแชร์มุมมองความคิดเห็นและความรู้กับบุคคลอื่นๆได้ และการพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์ในตลาด ได้ทั้งแลกเปลี่ยนแนวคิด แชร์ความรู้ ระบายความในใจ อัปเดตเทคนิคใหม่ ๆ จะช่วยให้เราก้าวหน้าได้เร็วขึ้นมากเลย

ชุมชน Forex ระดับโลก

  • MQL5
    สังคมคนรัก EA มาแชร์โค้ด แลกเปลี่ยนไอเดีย หรือพูดคุยเทคนิคการเขียน EA
  • Tradingview กลุ่มชุมชนที่แชร์มุมมองตลาดผ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิค
  • Babypips
    กลุ่มชุมชนสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
  • Forex Factory
    สังคมใหญ่ของชาว Forex ทั้งมือใหม่มือเก๋า มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
  • Forexpeacearmy
    กลุ่มชุมชนที่แชร์ความรู้ และกลโกงตลาด Forex 

ชุมชน Forex ในประเทศไทย

  • ชุมชน Forex ในประเทศไทยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มผู้ติดตามของอินฟูลเอนเซอร์ที่ทำเนื้อหาเกี่ยวกับการเทรด ซึ่งในประเทศไทยก็มีอยู่หลายคน
  • กลุ่มในโซเชียลมีเดีย
    เช่น Facebook เสิร์ชหาเลย มีเพียบ นับกันไม่ไหว

ข้อดีของการมีกลุ่มชุมชน

  • ได้คุยกับคนที่เข้าใจเราจริงๆ
    ไม่ต้องอธิบายเยอะ เราเข้าใจกัน
  • แชร์ความรู้และประสบการณ์
    เทรดพลาดไม่เป็นไร มาแชร์กัน เผื่อคนอื่นจะได้ไม่พลาดซ้ำ
  • พัฒนาตัวเอง
    เรียนรู้จากคนอื่น เติบโตไปด้วยกัน มีปัญหาปรึกษากันได้
  • เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
    เทรนด์ไหนมา กราฟไหนกำลังน่าสน ข่าวว่ายังไงบ้าง ได้รู้ก่อนใคร
  • ทำให้การเทรดมีชีวิตชีวาสีสัน
  • ไม่น่าเบื่อและกดดันมากเกินไป ได้ทั้งระบาย เม้าท์มอย และแชร์ความรู้ ไปพร้อมกัน 

ชุมชน Forex คือพื้นที่แห่งการแบ่งปันและเติบโต อย่าปล่อยให้ตัวเองเหงา ออกมาหาเพื่อนในโลก Forex กันเถอะ

ตลาด Forex เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องอัปเดตความรู้อยู่เสมอ เพื่อให้เราสามารถปรับตัวกับตลาดและอยู่รอดในระยะยาว

อัปเดตความรู้ตลาด

  • ฟังข่าวสารทางเศรษฐกิจเป็นประจำ
  • อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเทรด
  • เรียนรู้เทคนิคการเทรดใหม่ๆหรือจิตวิทยาในการเทรดเสมอ

หนังสือ Forex น่าอ่าน

  • Currency Trading for Dummies หนังสือที่ให้ความรู้พื้นฐานการเทรด Forex
  • Trading: Technical Analysis Masterclass: Master the Financial Markets หนังสือที่จะทำให้คุณเทรดกราฟเปล่าได้อย่างชำนาญ 
  • 17 กลยุทธ์การทำกำไรในตลาด Forex
    หนังสือ 17 กลยุทธ์ที่จะทำให้คุณเก็บกำไรจากตลาด Forex ได้อย่างยั่งยืน
  • Market Wizard (พ่อมดแห่งวอลสตรีท) หนังสือแชร์ประสบการณ์จากเทรดเดอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “พ่อมดแห่งวอลสตรีท”
  • จิตวิทยาเอาชนะตลาดสำหรับนักเทรด หนังสือจิตวิทยาการเทรดของพี่ โบ้ กิตติ์เนศ พุฒิพัฒน์วัฒน ที่จะทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จแค่ในตลาด Forex แต่ทำให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต

อย่าให้ตลาด Forex ที่แสนจะอันตรายวิ่งนำหน้าเราได้ เราต้องตามให้ทัน ถ้ารู้สึกว่าไม่ทันตลาดแล้ว เราก็ต้องวิ่ง…หาวิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และอัปเดตองค์ความรู้ให้ทันตลาดอยู่เสมอ อย่าหยุดเรียนรู้นะครับทุกคน 😀

ตลาด Forex  ไม่มีความแน่นอน สภาวะตลาดเปลี่ยนได้ทุกเวลา ดังนั้นเทรดเดอร์ทุกคนต้องรู้จักที่จะอัปเดตปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับตลาดอยู่เสมอเพื่อทำกำไรให้ได้อย่างต่อเนื่อง

สภาวะของตลาด Forex

  • ตลาดที่เป็นเทรนด์ (Trend) เป็นช่วงที่ตลาดที่มีทิศทางการวิ่งที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็น 2 รูปแบบ 
    • ตลาดกระทิง ตลาดขาขึ้น
    • ตลาดหมี ตลาดขาลง

  • ตลาดที่ไม่มีเทรนด์ (Sideway)
    เป็นช่วงที่ตลาดไม่มีแรงซื้อแรงขาย ราคามีการวิ่งขึ้นลงอยู่ในกรอบ ไม่ต่างกับคนอกหัก เดินไปเดินมา งงชีวิต ไม่รู้จะไปทางไหนดี..

  •  ตลาดผันผวน (Volatile Market) เป็นช่วงที่ตลาดมีการวิ่งขึ้นหรือลงอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้นๆ เนื่องจากมีปริมาณการซื้อหรือการขายเข้ามามากจนผิดปกตินั่นเอง ตลาดในช่วงนี้ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาได้ เกิดขึ้นช่วงมีการประกาศข่าว หรือเหตุการณ์สำคัญ

อะไรทำให้ตลาดเปลี๊ยนไป๋ (มุกเก่ามาก..ขออภัยครับ 😣)

  • ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ข่าวเศรษฐกิจ ตัวเลขต่างๆ 
  • เหตุการณ์สำคัญ เช่น สงคราม การเลือกตั้ง ภัยธรรมชาติ
  • อารมณ์ของตลาดในปัจจุบัน (กลัวก็ขาย โลภก็ซื้อ)
  • การเก็งกำไรของนักลงทุน

ทำไมต้องปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสภาวะตลาด

  • เพิ่มโอกาสในการทำกำไร
  • เพิ่มโอกาสในการหาจุดเข้าเทรด
  • ลดความเสี่ยง
  • เอาชนะตลาดได้ทุกสถานการณ์

วิธีการปรับกลยุทธ์

  1. ระบุสภาวะตลาดที่เป็นปัจจุบันให้ได้
  2. เลือกกลยุทธ์ให้เหมาะกับสภาวะตลาด 
  3. ติดตามข่าวสารเป็นประจำเพื่อคาดการณ์สภาวะตลาด
  4. บริหารความเสี่ยงให้เข้ากับสภาวะตลาด
  5. รอสภาวะตลาดที่เป็นใจกับกลยุทธ์ 

ตลาด Forex ไม่เคยอยู่เป็นเป้านิ่งให้เราเฉือดได้ง่ายๆ เราต้องปรับตัวให้ทัน ถ้าไม่อยากเป็น “เหยื่อ” ของตลาด ก็ต้องเป็น “นักล่า” ที่เก่งกาจ ต้องเลือกงัด “ธนู” “ดาบ” “ปืน” มาใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการ์ณครับ 

ศิษย์ยังมีครู เทรดเดอร์ก็ควรมีที่ปรึกษาในเรื่องการเทรดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะความรู้และประสบการณ์ การเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่าเรา จะทำให้เราเติบโตและลดข้อผิดพลาดได้อย่างรวดเร็วรวม 10 เว็บไซต์ Forex ที่ดีที่สุด

  • Babypips
    เว็บไซต์ Forex ที่เป็นแหล่งความรู้ให้กับเทรดเดอร์มือใหม่
  • FX Academy
    เว็บไซต์คอร์สเรียน Forex ฟรี
  • MQL5
    สายเรียนรู้การเขียนโปรแกรม EA
  • Investopedia
    เว็บไซต์คลังความรู้สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
  • Tradingview เว็บไซต์รวมบทวิเคราะห์ทางเทคนิคตลาดจากเทรดเดอร์
  • Myfxbook เว็บไซต์เรียนรู้จากบันทึกการเทรดของเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์
  • Forex Factory
    เว็บไซต์ข่าวสารของตลาด Forex  และกลุ่มชุมชนของเทรดเดอร์
  • FX Empire เว็บไซต์ข่าวสารและบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญในตลาดการเงิน
  • FX Live
    เว็บไซต์รวมคำศัพท์เกี่ยวกับการเทรด Forex และบทความให้ความรู้เกี่ยวกับตลาด
  • DailyFX
    เว็บไซต์ข่าวสาร Real Time  ของตลาด Forex และบทวิเคราะห์ตลาด

สื่อออนไลน์แหล่งความรู้ฟรีจากเทรดเดอร์

นอกจาก 10 เว็บไซต์ที่ได้กล่าวมายังมีสื่อออนไลน์ไม่ว่าจะเป็น YouTube หรือ Tiktok  ซึ่งปัจจุบันก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเทรด Forex มากมายให้เราได้เรียนรู้แถมยังเป็นเนื้อหาฟรี และเรายังสามารถพูดคุยกับเทรดเดอร์ที่ทำช่องบนแพลตฟอร์มต่างๆได้

ในช่วงแรกของการเทรดเหมือนกับการเริ่มงานใหม่ นั่นแหละครับ เงินเดือนน้อยก็ต้องประหยัดกันหน่อย จัดตี้ตั้งแต่ต้นเดือนมีหวังไม่รอดถึงปลายเดือน การเทรดก็เช่นกัน อย่าเริ่มต้นด้วยเงินก้อนใหญ่ แต่ให้ใช้เงินก้อนเล็กเพื่อทดลองตลาด และเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสบการณ์แล้วค่อยขยับเงินทุนของตัวเองให้มากขึ้น

การเทรดด้วยบัญชีขนาดเล็ก

โบรกเกอร์ Forex จะมีบัญชีขนาดเล็กให้เราได้ใช้งานซึ่งเหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่ นั่นก็คือบัญชี Micro และบัญชี Cent ลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับคนงบน้อย แต่อยากลองของ

ข้อดีของบัญชีขนาดเล็ก

  • ความเสี่ยงต่ำ
  • ได้เรียนรู้และทดลองกับตลาด
  • เหมาะกับคนที่มีเงินทุนน้อยแต่อยากปั้นพอร์ต

ข้อเสียของบัญชีขนาดเล็ก

  • มีสินทรัพย์ให้เลือกเทรดน้อย
  • เมื่อความเสี่ยงต่ำกำไรที่ได้ก็ต่ำด้วยเช่นเดียวกัน
  • การเทรดพอร์ตจะเติบโตช้ากว่าบัญชีมาตรฐาน
  • การคำนวณความเสี่ยงยากกว่าบัญชีขนาดใหญ่ (เนื่องจากขนาดของสัญญาไม่เท่ากัน)
  • ไม่เหมาะกับคนใจร้อนอยากได้เงินไว

การเทรดด้วยบัญชีขนาดเล็กอย่างมีประสิทธิภาพ 

  • บริหารความเสี่ยงและบริหารเงินทุนให้เหมือนกับบัญชีมาตรฐาน
  • เทรดตามแผนที่วางเอาไว้แม้จะมีอัตราการเติบโตที่ช้ากว่าก็ตาม
  • มองที่กระบวนการเทรด มากกว่ามองที่กำไร เพื่อสร้างวินัยในการเทรดที่ดี
  • มองกำไรเป็นเปอร์เซ็นต์ อย่ามองกำไรเป็นจำนวนเงิน
  • เมื่อได้กำไรพอสมควรแล้วก็เพิ่มความเสี่ยง เพื่อเพิ่มผลตอบแทนภายหลัง

การเทรดจะทำให้เรามีกระแสเงินสด แต่การลงทุนอย่างต่อเนื่องจะทำให้เราร่ำรวยอย่างมั่งคั่ง เราต้องรู้จักที่จะต่อยอดกำไรของเราเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน

วิธีการสร้างพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

  1. เทรดในตลาด Forex เก็บเลเวลให้เก่ง หรือสร้างรายได้จากช่องทางอื่นๆ เพื่อหาเงินทุน
  2. กระจายเงินในความเสี่ยงที่เหมาะสมตามสินทรัพย์ต่างๆ (เผื่ออันนึงเจ๊ง..อีกอันยังรอด)
  3. สร้างพอร์ตลงทุนหลายประเภทเพื่อกระจายความเสี่ยง
    • พอร์ตการเทรดความเสี่ยงสูง เช่น การเทรดตลาด Forex
    • พอร์ตลงทุนในระยะกลาง  เช่น การทำ Copy Trade  การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเช่น คริปโต ทองคำ หุ้นเติบโต เป็นต้น
    • พอร์ตลงทุนระยะยาว เช่น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนในหุ้นปันผล การซื้อทอง หรือซื้อ Bitcoin และการซื้อกองทุนรวมจากแพลตฟอร์มธนาคาร
  1. เรียนรู้ที่จะใช้หลักการของดอกเบี้ยทบต้น   เพื่อให้พอร์ตลงทุนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว  

สิ่งที่ควรระวังเมื่อสร้างพอร์ตลงทุน

  • ไม่มีการบริหารเงินก่อนจัดพอร์ตลงทุน
  • ไม่ศึกษาสินทรัพย์ที่อยากลงทุนก่อนจัดเข้าพอร์ต
  • รวมการลงทุนทุกประเภทไว้ในพอร์ตเดียวกัน
  • จัดพอร์ตให้มีแต่สินทรัพย์เสี่ยงมากเกินไป
  • คาดหวังผลตอบแทนที่มากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ 

ข้อดีของการมีพอร์ตลงทุนหลายประเภท

  • ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
  • รับมือกับการขาดทุนหรือช่วงตลาดย่ำแย่ได้
  • สร้างโอกาสที่จะมีสุขภาพทางการเงินที่รวดเร็วมากขึ้น
  • สร้างรายได้แบบ Passive Income
  • มีเวลาว่างมากขึ้น
  • สามารถวางแผนเกษียณได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ใครว่าตลาด Forex น่าเบื่อ!? บอกเลยว่าคิดผิดสุดๆ
เพราะถ้าคุณเจอกับ “ตลาดผันผวน” แล้วล่ะก็ เตรียมตัวกรี๊ดลั่นบ้านได้เลย สภาวะตลาดผันผวนเป็นหนึ่งในความน่ากลัวมากที่สุดในตลาด Forex
ที่อาจทำให้เงินในบัญชีคุณหายวับไปกับตา แต่ตลาดผันผวนก็อาจเป็นโอกาสพาคุณปลดหนี้ได้ในพริบตาเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนที่กลัวความผัวผวน เพื่อให้อยู่รอดในทุกสภาวะตลาด เราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจและรับมือกับความผันผวน

มือใหม่หัดเทรดทั้งหลาย โปรดระวังให้ดี
ตลาดจะผันผวนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวตัวเลขสำคัญออก ใครที่ลืมไปแล้วว่าข่าวสำคัญอะไรบ้าง สามารถย้อนกลับไปอ่าน บทที่9 ได้เลยครับ “ข่าวสารเศรษฐกิจใดบ้างที่ส่งผลต่อตลาด Forex”

ความผันผวนของตลาด

ความผันผวนของตลาดเกิดจากการที่มีปริมาณการซื้อและปริมาณการขายมากกว่าปกติ จนทำให้ราคานั้นเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น ๆ 

สาเหตุของความผันผวนในตลาด

  • การประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจและข่าวเศรษฐกิจ
  • เหตุการณ์สำคัญ
  • การแทรกแซงของรัฐบาล 
  • การเก็งกำไรของรายใหญ่และรายย่อยในช่วงเวลาต่างๆ 

เทรดเดอร์ทุกคนมีมุมมองต่อความผันผวนต่างกัน

  • เทรดเดอร์บางคนมองว่าตลาดที่มีความผันผวนคือโอกาสในการทำกำไร
  • เทรดเดอร์บางคนมองว่าตลาดที่มีความผันผวนนั้นมีความเสี่ยงสูงควรเลี่ยง 

เครื่องมือชี้วัดความผันผวนของตลาด Forex

  • ATR (Average True Range)
  • BB (Bollinger Bands)
  • KC (Keltner Channel) 

ถ้าเรายังเป็นเทรดเดอร์มือใหม่และกลัวการเทรดในตลาดที่มีความผันผวนสิ่งที่เราทำได้เลยก็คือการมองภาพตลาดให้ใหญ่ขึ้น “ยิ่งคุณเข้าใจภาพใหญ่เท่าไหร่…ความผันผวนก็จะดูเล็กลงเท่านั้น”

เงินคือสิ่งสำคัญสำหรับการเทรด และแน่นอนว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต อย่าละเลยที่จะรักษาสุขภาพทางการเงิน การมีสุขภาพทางการเงินที่ดี เท่ากับการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ดูแลสุขภาพทางการเงินให้เหมือนกับดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง ดังนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของเรานั่นคือ ทักษะการบริหารเงิน

ทักษะการบริหารเงินคือ

  • ทักษะในการดูแลรายรับและรายจ่าย
  • ทักษะในการวางเป้าหมายทางด้านการเงิน
  • ทักษะการมีวินัยในการใช้เงิน

ประโยชน์ของการรักษาสุขภาพทางการเงิน

  • เพิ่มโอกาสทั้งในการเทรด และการใช้ชีวิต
  • ลดความเสี่ยง 
  • เพิ่มประสบการณ์ทางด้านการลงทุน

การดูแลสุขภาพทางการเงินในการเทรด

  • เรียนรู้เรื่องการจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินให้เชี่ยวชาญ
  • วางเป้าหมายทางด้านการเงินในระยะยาวให้ชัดเจน
  • จัดสรรการเงินในชีวิตให้เรียบร้อยก่อนเข้าตลาด Forex
  • แบ่งเงินจากส่วนหนึ่งของรายได้มาเทรดเท่านั้น 
  • อย่าเทรดด้วยความเสี่ยงที่มากเกินไป
  • รู้จักที่จะยอมแพ้ 
  • เรียนรู้ที่จะทำกำไรให้มากกว่าที่ขาดทุนไป
  • ยอมรับข้อผิดพลาดและแก้ไข 
  • หารายได้เสริมอยู่เสมอเพื่อรองรับในกรณีฉุกเฉิน

เชื่อเถอะครับ การบริหารเงินคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด Forex ถ้าคุณรู้จักบริหารเงินเป็นแล้วล่ะก็ ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว อย่าลืมจัดสรรเวลามาเรียนรู้เรื่องการจัดการความเสี่ยง และวางแผนการเงินให้ดี ควรแบ่งเงินมาเทรดแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เมื่อคุณมีการบริหารจัดการเงินที่ดี ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดตัว แล้วคุณจะเทรดได้อย่างสนุกและปลอดภัย

เมื่อเรามีวินัยในการเทรดแล้วอย่าลืมมีวินัยในการใช้ชีวิตด้วย การเทรดไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต เราเทรดเพื่อหาเงิน และใช้เงินไปกับความสุขที่เราต้องการ เพราะฉะนั้นจงเทรดอย่างมีความสุขพร้อมๆกับการใช้ชีวิต

เช็คตัวเองด่วน..คุณกำลังเป็น “ทาสกราฟ” อยู่หรือเปล่า?

ไหนใครกำลังเสพติดการเทรดบ้างครับ ตื่นมาก็เปิดกราฟ กินข้าวก็ดูราคา นอนก็ยังฝันถึงแท่งเทียน ตั้งเป้าไว้ว่าต้องเรียนรู้ทักษะการเทรดใหม่ๆทุกวัน นั่งเฝ้ากราฟราคาทั้งวันทั้งคืน คอยหาโอกาสในการเทรดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ทำให้เราสามารถพัฒนาการเทรดได้อย่างรวดเร็ว แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน เสพติดการเทรดมากเกินไปก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน

ข้อเสียของการเสพติดการเทรด

  • เกิดความเครียดและอารมณ์ขึ้นๆลงๆอยู่ตลอดเวลา
  • มีความพร้อมที่จะนำเงินไปเสี่ยงกับตลาด Forex ตลอดเวลา
  • ไม่มีเวลาในการทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย 
  • วินัยในการเทรดลดลง
  • สุขภาพร่างกายย่ำแย่ 

สร้างสมดุลชีวิตกับการเทรดให้เหมาะสม

  • จัดตารางเวลาการเทรดให้ชัดเจน
  • เทรดตามเวลาตลาดเปิดและปิด (Session) ของคู่เงินเท่านั้น
  • รู้จักใช้การแจ้งเตือนของ Tradingview ให้เป็นประโยชน์
  • ทำทุกอย่างให้เป็นอัตโนมัติ ตั้ง TP และ SL ให้เรียบร้อยหลังจากเปิด Order
  • เรียนรู้และสะท้อนข้อผิดพลาดอยู่เสมอ
  • หาเวลาในการออกกำลังกายเป็นประจำ
  • มีวันพักจากการเทรดที่ชัดเจน 
  • ให้รางวัลกับตัวเองหลังจากได้กำไรจากการเทรด

จำได้ไหมครับ “การเทรดคือมาราธอน” เป็นเกมระยะยาว ตราบใดที่คุณยังอยู่ในสนามรบ ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วคุณจะชนะหรือแพ้

เพราะฉะนั้นการเทรด Forex ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต อย่าให้มันครอบงำชีวิตเราได้ หาเวลาพักผ่อน ทำกิจกรรมอื่นๆ บ้าง ดูแลสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง แล้วคุณจะเทรดได้อย่างมีความสุขและอยู่ในเกมได้ไปยาวๆ ไม่ใช่เครียดจนป่วยโดนหามออกจากสนามไปซะก่อนน่ะ 😂

การที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพเทรดเดอร์ได้นั้น ทุกคนต้องมีเป้าหมายในระยะยาวที่ชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายระยะสั้น การมีเป้าหมายเป็นเหมือนการเติมไฟ เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำให้เรานั้นพร้อมที่จะสู้กับอุปสรรค และก้าวสู่เส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้า

การตั้งเป้าหมายให้เห็นผล

ใช้หลัก SMART Goals ในการตั้งเป้าหมาย

  • S (Specific) คือ ความชัดเจน อย่าบอกว่า “อยากรวย” แต่ต้องบอกว่า “อยากมีเงิน 1 ล้านบาทภายใน 3 ปี”
  • M (Measurable) คือ สามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้ อย่าบอกว่า “อยากเทรดเก่ง” แต่ต้องบอกว่า “อยากทำกำไรได้เดือนละ 10%”
  • A (Achievable) คือ มีความเป็นไปได้และสมเหตุสมผล อย่าบอกว่า “อยากเป็นเศรษฐีใน 1 เดือน” มันเป็นไปไม่ด้ายยย
  • R (Relevant) คือ ความสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาว อย่าบอกว่า “ฉันจะรวยจากการเทรด Forex ให้ได้” แต่เอาเงินไปแทงไฮโลซะหมด! มันคนละอย่างกันเด้อ แค่คล้ายๆ 😀
  • T (Time-Based) คือ ขอบเขตเวลาชัดเจน อย่าบอกว่า “อยากรวยสักวัน” แต่ต้องบอกว่า “อยากรวยภายใน 5 ปี”

วิธีการตั้งเป้าหมายและตัวอย่าง

  1. สร้างปีแห่งการเรียนรู้ เรียนรู้ทุกอย่างในปีแรกของการเทรดเพื่อหาเป้าหมายและสไตล์การเทรดที่จะพาเราไปถึงเป้าหมายนั้นๆ
  2. สร้างเป้าหมายตามสไตล์การเทรด ระบุให้ชัดเจนว่าจะเทรดในระยะสั้นหรือระยะยาว และมีเป้าหมายเช่นไร ตัวอย่างเช่น เทรดระยะสั้น เพื่อสร้างรายได้รายเดือน ทำกำไรต่อเดือนให้ได้ 20% ถึง 30% แล้วมีการวัดผลลัพธ์ทุกๆ  1 เดือน
  3. สร้าง Check Point เพื่อวัดผลในระยะสั้น การจะวัดความพัฒนาของการเทรดเราจะต้องมีเป้าหมายในระยะสั้นเป็นการสร้าง Check Point เพื่อสร้างแรงบันดาลใจอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น การเทรดระยะสั้นที่มีการวัดผลลัพธ์ทุกๆ 1 เดือน ด้วยผลกำไร 20% ถึง 30% แต่เราอาจจะสร้างเป้ากำไรระยะสั้น 3%-5% ต่อสัปดาห์
  4. มีวินัยในการทำตามเป้าหมาย เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ลงมือทำอย่างมีวินัยสุดท้ายไม่ว่าจะ เทรดแพ้หรือชนะแต่การทำอย่างมีวินัยจะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นเรื่อยๆ
  5. วัดผลเมื่อถึงระยะเวลา การวัดผลลัพธ์ของการเทรดจะทำให้เรารู้ว่าเรานั้นทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ ถ้าสำเร็จอาจจะทำต่อเนื่อง ถ้าไม่สำเร็จหาข้อแก้ไขและปรับปรุง แต่อย่าลืมว่าตลาดไม่มีความแน่นอน กำไรที่ได้มาในแต่ละช่วงระยะเวลาก็จะไม่แน่นอนเช่นเดียวกัน อย่ากดดันตัวเองมากไป

สุดท้ายแล้วในอาชีพการเทรด ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าประสบการ์ณโชกโชน ก็ต้องไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง คนที่เรียนรู้และปรับปรุงได้ไวกว่าก็จะมีโอกาสสำเร็จที่สูงกว่า แล้วเราจะทำอย่างไรให้สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องและเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันในบทส่งท้ายได้เลยครับ

วิธีปรับปรุงผลกำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

  • บริหารเงินและความเสี่ยงให้เป็น เพื่อที่จะลดโอกาสการสูญเสียเงินให้มากที่สุดก็ต้องรู้จักบริหารเงินและความเสี่ยงทุกครั้ง 
  • เพิ่มเงินลงพอร์ต เราไม่จำเป็นต้องเติมเงินตัวเองเข้าพอร์ตเป็นประจำแต่เราสามารถหาโบรกเกอร์ที่มีโปรโมชั่นฝากเงิน เพื่อเพิ่มจำนวนเงินในพอร์ตได้ การมีจำนวนเงินมากขึ้นหมายความว่าเรามีโอกาสการทำกำไรมากขึ้น
  • เทรดคู่เงินที่ค่าธรรมเนียมต่ำ ค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการในการเทรดมีผลอย่างมากต่อกำไรของเรา ยิ่งเราเทรดในคู่เงินที่มีค่าบริการต่ำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำกำไรได้มากเท่านั้น
  • ใช้ค่า swap ให้เป็นประโยชน์
    ดอกเบี้ยจากการถือ Order ข้ามคืนในตลาด Forex เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เราได้กำไรเพิ่ม ยิ่งถือนานยิ่งได้ดอกเบี้ยมากขึ้น แต่อย่าลืมไปว่าดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาบางครั้งเราก็เสียดอกเบี้ยได้เช่นเดียวกัน
  • ถือกำไรให้นานมากขึ้น ถ้าเราเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนด์และสามารถถือกำไรได้จนสุดเทรนด์ เท่ากับเราสามารถทำกำไรได้มากกว่าการตั้งเป้ากำไรที่แน่นอน พยายามหาเครื่องมือที่ทำให้ถือ Order ได้นานมากขึ้น
  • ดอกเบี้ยทบต้น
    ดอกเบี้ยทบต้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกการเงิน เราสามารถเพิ่มผลกำไรที่ได้ตามขนาดของพอร์ตทั้งที่ความเสี่ยงเท่าเดิม 
  • รู้จักบริหาร Order
    ถ้าเราสามารถบริหาร Order ได้ดี รู้จักการแบ่งขาย รู้จักตั้ง Stop Loss/Take Profit ให้ดี ก็จะมีโอกาสได้กำไรเพิ่มขึ้น และลดโอกาสในการขาดทุน 
  • กระจายสินทรัพย์กระจายพอร์ต สร้างพอร์ตการลงทุนให้มีการกระจายออกเป็นหลายพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

จำไว้ว่า.. การเทรด Forex ไม่ใช่เรื่องของการเสี่ยงดวง แต่มันคือศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องผ่านการฝึกฝน พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถอยู่รอดในตลาดได้อย่างยั่งยืน

บางคนที่เริ่มเทรดอยู่ในตอนนี้อาจพบเจอปัญหาในการขาดทุนอยู่ แต่เดี๋ยวก่อนครับ อย่าเพิ่งถอดใจ!!! ถ้าคุณอ่านมาถึงบทนี้ได้ แสดงว่าคุณมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพจริงๆ ใช่ไหมล่ะ? ถึงแม้ว่าเส้นทางนี้จะยากลำบาก มีเพียง 1% เท่านั้นที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเป็น 1 ในนั้นไม่ได้นะครับ!

30 ขั้นตอนที่เราได้นำเสนอไปนั้น คือแผนที่ที่จะนำทางคุณไปสู่ความสำเร็จ เริ่มต้นลงมือทำตามทีละขั้น ทีละตอน เรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ และอย่าลืมนำความรู้เคล็ดลับต่างๆไปปรับใช้ในการเทรดของคุณ

เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง โอกาสที่จะเป็น 1 ใน 1% ของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้นั้นสูงมากครับ และมันต้องคุ้มค่าแน่นอนครับ ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนประสบความสำเร็จในเส้นทางการเทรด Forex นะครับ