หลาย ๆ คนมีความฝันที่อยากทำงานอิสระ อยากมีอิสรภาพทางเวลา และทางการเงิน จึงเลือกที่จะเดินก้าวเข้าสู่อาชีพการเทรด แต่การเทรดเป็นอาชีพนั้นต้องอาศัยเงินทุนที่มากพอ เพื่อที่จะทำกำไรให้พอกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเราจะทำยังไงดี เพื่อให้มีเงินทุนมากพอที่จะเทรดทำกำไรเลี้ยงชีพตัวเองเอง บทความนี้จะมอบความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปั้นพอร์ต เพื่อเพิ่มเงินทุน และพาเพื่อนๆ เดินบนเส้นทางอาชีพเทรดเดอร์อย่างยั่งยืน
- ทำไมเราถึงต้องปั้นพอร์ต
- ขนาดของพอร์ต Forex กับการปั้นพอร์ต
- 10 เทคนิคการปั้นพอร์ต
ทำไมเราถึงต้องปั้นพอร์ต
ภาพ สรุปเหตุผลของการปั้นพอร์ต
ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาเทรด Forex ไม่ได้มีเงินจำนวนมาก ที่สามารถทำกำไรได้วันละหลักหมื่นหลักแสน ดังนั้นการปั้นพอร์ตเป็น 1 ก้าวสำคัญที่จะทำให้พอร์ตการเทรดของเราเติบโต ซึ่งการปั้นพอร์ตก็ได้รับความนิยมด้วยเหตุผลดังนี้
- เพิ่มขนาดพอร์ตการเทรดให้ใหญ่ขึ้น สำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนน้อย การก้าวสู่อาชีพเทรดเดอร์เป็นเรื่องยาก เพราะกำไรจากการเทรดยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน สำหรับผู้มาใหม่แล้วการหารายได้เสริมเพื่อมาเทรดจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าอยากก้าวเดินในสายอาชีพเป็นอาชีพหลักการปั้นพอร์ตจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ยิ่งพอร์ตขนาดใหญ่ขึ้น เราก็ยิ่งเสี่ยงได้มากขึ้น และได้รับผลตอบแทนมากขึ้น จนพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- เพื่อพิสูจน์ว่าเราประสบความสำเร็จในการเทรด ถ้าหากว่าเราเริ่มมีความรู้มีประสบการณ์ในการ- เทรดและสามารถสร้างกำไรจากตลาด Forex ได้ การปั้นพอร์ตเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว คนที่สามารถปั้นพอร์ตขนาดเล็กเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ได้ซ้ำๆ แสดงว่าตัวเขามีเทคนิคการเทรดที่ดี มีวินัยในตัวเอง และความสามารถที่เพียงพอที่จะอยู่ในตลาดที่เปรียบเสมือนสงครามแห่งนี้
ขนาดของพอร์ต Forex กับการปั้นพอร์ต
ภาพ ขนาดพอร์ตและความเหมาะสมกับการปั้นพอร์ต
เคยสงสัยกันไหมครับว่าการปั้นพอร์ตที่เทรดเดอร์มืออาชีพทำให้เราดูบนสื่อออนไลน์ จะเป็นการแบ่งเงินส่วนหนึ่ง มาปั้นให้พอร์ตขนาดเล็กกลายเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ นั่นก็เพราะว่ามันมีความเสี่ยง ยิ่งพอร์ตเราโตมากเท่าไหร่ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการปั้นพอร์ตควรมีความสมดุลกับขนาดของพอร์ตด้วย โดยเราสามารถแบ่งขนาดของพอร์ตได้ดังนี้
- พอร์ตขนาดเล็ก จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักร้อยถึงหลักพัน เป็นพอร์ตที่ต้องหาโอกาสเทรดให้มาก เพื่อปั้นพอร์ตให้โตอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นพอร์ตที่ต้องคำนวณความเสี่ยงให้ดีเพราะจำนวนเงินที่น้อยทำให้มีโอกาสพอร์ตแตกได้ง่าย
- พอร์ตขนาดกลาง จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักหมื่น เป็นพอร์ตที่ไม่จำเป็นต้องหาจำนวนการเทรดบ่อยครั้ง เพราะกำไรที่ทำได้จะมากกว่าพอร์ตขนาดเล็ก แต่สิ่งสำคัญก็คือการคำนวณความเสี่ยงเช่นเดียวกัน อาจจะเสี่ยงได้มากกว่าพอร์ตขนาดเล็กแต่ก็ไม่ควรมากเกินไป
- พอร์ตขนาดใหญ่ จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักแสนขึ้นไป เป็นพอร์ตที่ไม่จำเป็นจะต้องปั้นเพื่อให้เงินทุนในพอร์ตเพิ่ม แต่เป็นการปั้นพอร์ตเพื่อกลบการขาดทุนจากการเทรด การทำกำไรในพอร์ตขนาดใหญ่จะเพียงพอต่อการใช้ชีวิต และไม่จำเป็นจะต้องเทรดบ่อยครั้งสามารถเทรดในระยะยาวได้ และการปั้นพอร์ตให้มากกว่าเดิมก็เสี่ยงเช่นเดียวกันเพราะเงินทั้งหมดอยู่ในโบรกเกอร์ไม่ได้เก็บไว้กับตัว
10 เทคนิคการปั้นพอร์ต
เมื่อเรารู้แล้วว่าการปั้นพอร์ตมีความสำคัญอย่างไร เหมาะกับขนาดของพอร์ตแบบใดบ้างหลังจากนี้จะพาเพื่อนๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปั้นพอร์ตให้โตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน
สไตล์การเทรด และ กลยุทธ์
ภาพ วิธีการเทรดที่เหมาะกับการปั้นพอร์ต
ถ้าพูดถึงสไตล์การเทรดที่สามารถหาโอกาสในการเทรดทำกำไรได้บ่อยก็คงจะหนีไม่พ้น 2 รูปแบบดังนี้
- Scalping การเทรดในระยะสั้น Time Frame 1-5 นาที ใช้เวลาหลักชั่วโมงก็สามารถทำกำไรได้
- Day Trade การเทรดในระยะสั้น Time Frame 15 นาที – 1 ชั่วโมง ใช้ในหลักชั่วโมงถึงหลักวันก็สามารถทำกำไรได้
สไตล์การเทรดที่ว่ามาข้างต้นนั้น จะทำให้เราสามารถหาโอกาสเทรดได้บ่อยครั้งมากขึ้น มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับความผันผวนของตลาดเช่นเดียวกันดังนั้นกลยุทธ์การเทรดต้องเป็นกลยุทธ์ที่มีอัตราการชนะสูง ถ้าต้องการหากลยุทธ์เพื่อมาปรับใช้ก็สามารถ ค้นหาในสื่อออนไลน์ด้วยคีย์เวิร์ดต่อไปนี้
- Forex Scalping Strategy
- Forex Day Trading Strategy
เมื่อได้กลยุทธ์มาแล้วสิ่งที่ห้ามลืมก็คือการ Back Test และ Forward Test ในบัญชี Demo เพื่อทดสอบ- กลยุทธ์ว่าสามารถทำกำไรได้จริง อัตราชนะของกลยุทธ์ควรอยู่ที่ 50% ขึ้นไปและควรได้ Risk Reward 1:1.5
2. การคำนวณความเสี่ยง
ภาพ วิธีการควบคุมความเสี่ยง
ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องย้ำกันอยู่เสมอสำหรับการคำนวณความเสี่ยง โดยเฉพาะกับการเทรดสั้นที่ต้องเจอกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น การคำนวณความเสี่ยงจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแปะโน๊ตเอาไว้ก่อนเทรดเสมอ โดยมีหลักการคำนวณความเสี่ยงดังนี้
- ใช้ขนาดล็อตเท่ากันทุกไม้ เป็นการคำนวณความเสี่ยงโดยหาค่าเฉลี่ยระยะการเคลื่อนไหวของราคา และมาคำนวณเป็นขนาดล็อตที่เหมาะสม และเทรดด้วยจำนวนเท่ากันทุกไม้ การทำเช่นนี้ความเสี่ยงในแต่ละไม้จะไม่เท่ากัน แต่ความเสียหายจะอยู่ในขอบเขตที่เรายอมรับได้ เพื่อที่จะทำกำไรเราต้องตั้งเป้าของผลตอบแทนให้มากกว่าความเสี่ยงเสมอ ความเสี่ยงไม่ควรเกิน 5%
- คำนวณ Risk per trade โดยใช้ระยะ Stop lossคำนวณความเสี่ยงจากระยะการเคลื่อนที่ของราคาในหน่วยปี๊บ ถ้าหากมีจำนวนปี๊บน้อยอาจจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น แต่ถ้าระยะปี๊บมากเกินไปก็อาจจะลดความเสี่ยงให้น้อยลง หรือหลีกเลี่ยงที่จะไม่เทรดและรอโอกาสถัดไป
3.รันกำไรจนสุดเทรนด์
ภาพ สรุปวิธีถือกำไร
บางครั้งการกำหนดจุดกำไรให้ตายตัว ก็เป็นการจำกัดการทำกำไรด้วยเช่นเดียวกันถ้าหากว่าราคาวิ่งไปต่อในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นเมื่อเปิดออเดอร์แล้วถูกทางก็สามารถถือออร์เดอร์ให้นานมากขึ้นเพื่อทำกำไรมากขึ้น อาจจะปิดกำไรก่อนครึ่งหนึ่งที่จุด Take Profit 1เพื่อการันตีกำไรแล้วปล่อยที่เหลือวิ่งไปจนกว่าจะสุด- เทรนด์ ซึ่งเราสามารถรันกำไรจนสุดเทรนด์ได้โดยใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้
- โครงสร้างตลาด ถือออร์เดอร์จนกว่าโครงสร้างตลาดจะเปลี่ยนจึงค่อยปิดออเดอร์ทั้งหมด
- เส้น EMA 20 เป็นการถือออร์เดอร์จนกว่าจะมีแท่งเทียนปิดต่ำกว่า EMA 20 ในทิศทางตลาดขาขึ้น หรือมากกว่า EMA 20 ในทิศทางตลาดขาลง
- Supertrend เป็นการถือออร์เดอร์จนกว่าซุปเปอร์เท็นจะมีการเปลี่ยนทิศทาง
- CDC Action Zone อีกหนึ่ง indicator บน TradingView ที่จะช่วยให้เราสามารถถือ Order ได้จนสุดเทรนด์
4. ไม่ตั้งเป้ากำไร แต่ตั้งเป้าจำนวนการเทรด
ภาพ วิธีการตั้งเป้าหมาย
การตั้งเป้ากำไรรายวันรายสัปดาห์จะกลายเป็นสิ่งที่กดดันมากเกินไป เมื่อทำไม่ได้ตามเป้าอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อการเทรดเช่น
- ไม่เทรดตามแผน
- เทรดเพื่ออยากได้เงินคืน
- มีการไล่ราคา
การตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนครั้งในการเทรดในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ผู้เขียนแนะนำให้ใช้เพราะว่าเราจะจำกัดทุกอย่างไว้ตั้งแต่ต้นเช่นเทรด 2 ครั้งต่อวัน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรแต่พอครบจำนวนครั้งก็เริ่มเทรดและรอวันใหม่การทำแบบนี้ส่งผลดีหลายอย่าง
- สร้างวินัยในทุกๆวัน
- จำกัดความเสี่ยง
- ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป
- ไม่ล้าจากการเฝ้ากราฟ
5. ยึดติดกับสินทรัพย์เดียว
ภาพ สรุปข้อดีกการเทรด 1 สินทรัพย์
การกระจายพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงจากการเทรดการลงทุนเป็นเรื่องดี แต่สำหรับการปั้นพอร์ตแล้วในช่วงแรกเราควรที่จะยึดติดกับสินทรัพย์เดียวหรืออย่างน้อย 2 สินทรัพย์ เพราะว่ามีข้อดีหลายอย่าง
- ทำให้รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการเคลื่อนไหวราคาของสินทรัพย์นั้นๆอย่างลึกซึ้ง
- สามารถปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสินทรัพย์ได้ดี ซึ่งทำให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น
- เพิ่มโฟกัส
6. ลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุด
ภาพ เทคนิคการลดข้อผิดพลาด
การเทรดระยะสั้นเพื่อปั้นพอร์ต จะต้องลดความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด ตลาดที่มีความผันผวนมากยิ่งทำให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย การปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างรวดเร็วก็จะยิ่งช้าลง ดังนั้นเทรดเดอร์จะต้องมีการอัปเดตตัวเองทุกวันพัฒนามากขึ้นและลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
- เทรดเมื่อครบเงื่อนไข การทำทุกอย่างตามแผน คือการเทรดที่มีคุณภาพมากที่สุด ไม่ต้องเทรดมากแต่เทรดอย่างมีคุณภาพ พอร์ตก็จะเริ่มโตขึ้น
- จดบันทึกการเทรดทุกครั้ง การจดบันทึกช่วยให้สามารถมองข้อผิดพลาดของตัวเอง ข้อผิดพลาดของกลยุทธ์ และคำนวณความเสี่ยงได้ดีขึ้น
7.ฝึกคุมอารมณ์
ภาพ เทคนิคการควบคุมอารมณ์
การเทรดในระยะสั้นจะต้องฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด เจอกับความผันผวนของตลาด เจอกับ False Signal อาจจะทำให้อารมณ์นั้นดิ่งลงอย่างน่าใจหาย ถ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็จะกลายเป็นว่าตัวของเรานั้นมีโอกาสที่จะสร้างข้อผิดพลาดในการเทรดได้มากขึ้นนั่นเอง
วิธีฝึกควบคุมอารมณ์
- ลดความเสี่ยงของการเทรด
- นั่งสมาธิ / ออกกำลังกาย
- เทรดบัญชี Demo
- ฝึกเรียนรู้และปรับอารมณ์ตัวเองสม่ำเสมอ
8. เติมเงินใส่พอร์ตเสมอ
ภาพ สรุปข้อดีการเติมเงินเข้าพอร์ตเป็นประจำ
ในช่วงแรกของการปั้นพอร์ต เราควรมีรายได้ 2 ทาง เพื่อที่จะหาเงินมาเติมพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราเติมเงินเข้าพอร์ตอย่างมีวินัย
- เราจะสามารถเสี่ยงได้มากขึ้น
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น
การทำเช่นนี้ทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มากกว่ามานั่งเทรดเพียงอย่างเดียว
9. รู้จักใช้ดอกเบี้ยทบต้น
ภาพ ประโยชน์ดอกเบี้ยทบต้น
เมื่อเทรดจนสามารถสร้างกำไรได้แล้วในช่วงแรกยังไม่ควรถอนเงินออกจากบัญชีแต่ปล่อยให้เงินนั้นทบต้นไปเรื่อยๆ ความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นมีดังนี้
- มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นในความเสี่ยงเท่าเดิม
- ได้รับผลตอบแทนที่เสถียร
- เมื่อดอกเบี้ยมีการทบต้นจนพอร์ตใหญ่ขึ้นก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงได้
สมมุติว่าการเทรดในเดือนแรกเริ่มต้นจากพอร์ต 1,000 บาท เสี่ยงครั้งละ 5% ซึ่งเท่ากับ 50 บาท เพื่อทำกำไรครั้งละ 10% เท่ากับ 100 บาท จบเดือนได้กำไร 50 % แสดงว่าเงินต้นเดือนถัดไปเงินต้นจะกลายเป็น 1,500 บาท ถ้าเราใช้ความเสี่ยงเท่าเดิมที่ 5% เท่ากับเราเสียงได้มากขึ้นเป็น 75 บาท และมีโอกาสทำกำไรครั้งละ 10% ที่ 150 บาท การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจะทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตได้เร็วมากขึ้นอย่างมหัศจรรย์
10. ไม่เปรียบเทียบคนอื่นและเรียนรู้เสมอ
ภาพ สรุปการโฟกัสกับการเรียนรู้ตัวเอง
การปั้นพอร์ตขนาดเล็กให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายของเรานั้น ไม่ควรไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะทุกๆคนมีต้นทุนที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบจะทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง
- น้อยใจตัวเองที่มีต้นทุนไม่เท่ากับคนอื่นเขา
- เร่งตนเองมากเกินไปจนเกิดความผิดพลาด
- เปรียบเทียบผิด ไปโฟกัสที่กำไร แต่ไม่โฟกัสเปอร์เซ็นต์ที่ได้
การปั้นพอร์ตให้สำเร็จต้องรู้จักเรียนรู้เสมอ เรียนรู้การเทรด เรียนรู้กับตัวเอง เติบโตในอัตราเร่งของตัวเอง ถ้ายังก้าวต่อไปอย่างสม่ำเสมอสุดท้ายก็ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้เช่นเดียวกัน
11. เทรดพอร์ตกองทุน
ภาพ สรุปข้อดีการเทรดพอร์ตกองทุน
อันนี้แถมให้สำหรับคนที่พอมีความรู้มีประสบการณ์ แต่ไม่มีเงินทุนมากพอการเทรดพอร์ตกองทุนนั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องระวังเกี่ยวกับความปลอดภัยและเรื่องอารมณ์ความกดดัน
ข้อดีของพอร์ตกองทุน
- ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของตัวเองเทรด
- มีโอกาสได้รับผลกำไรเพิ่ม
- เป็นการนำเงินเล็กไปแลกเงินใหญ่
- เป็นการฝึกวินัยในการบริหารเงิน
- สามารถนำกำไรไปต่อยอดได้
- มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วในสายอาชีพการเทรด
สิ่งสำคัญในการเทรดพอร์ตกองทุน
- การเทรดพอร์ตกองทุน ควรเลือกกองทุนที่น่าไว้ใจ มีการรีวิวที่ดี
- เลือกกองทุนที่มีระยะเวลาในการสอบค่อนข้างกว้าง หรือไม่กำหนดระยะเวลาเลยยิ่งดีจะทำให้ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป
- เลือกสอบในกองทุนขนาดเล็กและนำผลกำไรไปต่อยอด
ข้อควรระวัง
- การเทรดพอร์ตกองทุนมีความกดดันและมีเงื่อนไขจุกจิก ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไร้ประสบการณ์
- ควรถอนกำไรอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยง
- สุดท้ายการสอบพอร์ตกองทุนจะต้องรู้จักคำนวณความเสี่ยงให้ดีและต้องมีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด
สรุปภาพรวมเทคนิคปั้นพอร์ต
- หาโอกาสจากเทคนิคเทรดสั้น
- ควบคุมความเสี่ยงให้ดี
- ทำกำไรให้มาก
- เน้นเทรดอย่างมีคุณภาพ
- ยึดติดกับสินทรัพย์เดียว
- ลดข้อผิดพลาด
- ฝึกคุมอารมณ์
- เติมเงินเข้าพอร์ต
- ใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น
- เทรดด้วยตัวเองไม่เปรียบเทียบ
- มีความรู้ให้ลุยพอร์ตกองทุน