10 เทคนิคการปั้นพอร์ต Forex ขั้นเทพ

10 เทคนิคการปั้นพอร์ต Forex

หลาย ๆ คนมีความฝันที่อยากทำงานอิสระ อยากมีอิสรภาพทางเวลา และทางการเงิน จึงเลือกที่จะเดินก้าวเข้าสู่อาชีพการเทรด แต่การเทรดเป็นอาชีพนั้นต้องอาศัยเงินทุนที่มากพอ เพื่อที่จะทำกำไรให้พอกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเราจะทำยังไงดี เพื่อให้มีเงินทุนมากพอที่จะเทรดทำกำไรเลี้ยงชีพตัวเองเอง บทความนี้จะมอบความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปั้นพอร์ต เพื่อเพิ่มเงินทุน และพาเพื่อนๆ เดินบนเส้นทางอาชีพเทรดเดอร์อย่างยั่งยืน

  • ทำไมเราถึงต้องปั้นพอร์ต
  • ขนาดของพอร์ต Forex กับการปั้นพอร์ต
  • 10 เทคนิคการปั้นพอร์ต

ทำไมเราถึงต้องปั้นพอร์ต

ภาพ สรุปเหตุผลของการปั้นพอร์ต

ผู้เขียนเชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาเทรด Forex  ไม่ได้มีเงินจำนวนมาก ที่สามารถทำกำไรได้วันละหลักหมื่นหลักแสน ดังนั้นการปั้นพอร์ตเป็น 1 ก้าวสำคัญที่จะทำให้พอร์ตการเทรดของเราเติบโต ซึ่งการปั้นพอร์ตก็ได้รับความนิยมด้วยเหตุผลดังนี้

  1. เพิ่มขนาดพอร์ตการเทรดให้ใหญ่ขึ้น สำหรับเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนน้อย การก้าวสู่อาชีพเทรดเดอร์เป็นเรื่องยาก เพราะกำไรจากการเทรดยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน สำหรับผู้มาใหม่แล้วการหารายได้เสริมเพื่อมาเทรดจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ถ้าอยากก้าวเดินในสายอาชีพเป็นอาชีพหลักการปั้นพอร์ตจึงเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ยิ่งพอร์ตขนาดใหญ่ขึ้น เราก็ยิ่งเสี่ยงได้มากขึ้น และได้รับผลตอบแทนมากขึ้น จนพอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
  2. เพื่อพิสูจน์ว่าเราประสบความสำเร็จในการเทรด ถ้าหากว่าเราเริ่มมีความรู้มีประสบการณ์ในการ- เทรดและสามารถสร้างกำไรจากตลาด Forex ได้ การปั้นพอร์ตเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พิสูจน์ว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว คนที่สามารถปั้นพอร์ตขนาดเล็กเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ได้ซ้ำๆ แสดงว่าตัวเขามีเทคนิคการเทรดที่ดี มีวินัยในตัวเอง และความสามารถที่เพียงพอที่จะอยู่ในตลาดที่เปรียบเสมือนสงครามแห่งนี้

 ขนาดของพอร์ต Forex กับการปั้นพอร์ต

ภาพ ขนาดพอร์ตและความเหมาะสมกับการปั้นพอร์ต

เคยสงสัยกันไหมครับว่าการปั้นพอร์ตที่เทรดเดอร์มืออาชีพทำให้เราดูบนสื่อออนไลน์ จะเป็นการแบ่งเงินส่วนหนึ่ง มาปั้นให้พอร์ตขนาดเล็กกลายเป็นพอร์ตขนาดใหญ่ นั่นก็เพราะว่ามันมีความเสี่ยง ยิ่งพอร์ตเราโตมากเท่าไหร่ความเสี่ยงก็มีมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นการปั้นพอร์ตควรมีความสมดุลกับขนาดของพอร์ตด้วย โดยเราสามารถแบ่งขนาดของพอร์ตได้ดังนี้

 

  • พอร์ตขนาดเล็ก จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักร้อยถึงหลักพัน เป็นพอร์ตที่ต้องหาโอกาสเทรดให้มาก เพื่อปั้นพอร์ตให้โตอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นพอร์ตที่ต้องคำนวณความเสี่ยงให้ดีเพราะจำนวนเงินที่น้อยทำให้มีโอกาสพอร์ตแตกได้ง่าย
  • พอร์ตขนาดกลาง จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักหมื่น เป็นพอร์ตที่ไม่จำเป็นต้องหาจำนวนการเทรดบ่อยครั้ง เพราะกำไรที่ทำได้จะมากกว่าพอร์ตขนาดเล็ก แต่สิ่งสำคัญก็คือการคำนวณความเสี่ยงเช่นเดียวกัน อาจจะเสี่ยงได้มากกว่าพอร์ตขนาดเล็กแต่ก็ไม่ควรมากเกินไป
  • พอร์ตขนาดใหญ่ จำนวนเงินในพอร์ตอยู่ในจำนวนหลักแสนขึ้นไป เป็นพอร์ตที่ไม่จำเป็นจะต้องปั้นเพื่อให้เงินทุนในพอร์ตเพิ่ม แต่เป็นการปั้นพอร์ตเพื่อกลบการขาดทุนจากการเทรด การทำกำไรในพอร์ตขนาดใหญ่จะเพียงพอต่อการใช้ชีวิต และไม่จำเป็นจะต้องเทรดบ่อยครั้งสามารถเทรดในระยะยาวได้ และการปั้นพอร์ตให้มากกว่าเดิมก็เสี่ยงเช่นเดียวกันเพราะเงินทั้งหมดอยู่ในโบรกเกอร์ไม่ได้เก็บไว้กับตัว

 

 10 เทคนิคการปั้นพอร์ต

เมื่อเรารู้แล้วว่าการปั้นพอร์ตมีความสำคัญอย่างไร เหมาะกับขนาดของพอร์ตแบบใดบ้างหลังจากนี้จะพาเพื่อนๆ มาเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการปั้นพอร์ตให้โตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน

สไตล์การเทรด และ กลยุทธ์

ภาพ วิธีการเทรดที่เหมาะกับการปั้นพอร์ต

ถ้าพูดถึงสไตล์การเทรดที่สามารถหาโอกาสในการเทรดทำกำไรได้บ่อยก็คงจะหนีไม่พ้น 2 รูปแบบดังนี้

  1. Scalping การเทรดในระยะสั้น Time Frame 1-5 นาที ใช้เวลาหลักชั่วโมงก็สามารถทำกำไรได้
  2. Day Trade การเทรดในระยะสั้น Time Frame 15 นาที – 1 ชั่วโมง ใช้ในหลักชั่วโมงถึงหลักวันก็สามารถทำกำไรได้

สไตล์การเทรดที่ว่ามาข้างต้นนั้น จะทำให้เราสามารถหาโอกาสเทรดได้บ่อยครั้งมากขึ้น มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกมากับความผันผวนของตลาดเช่นเดียวกันดังนั้นกลยุทธ์การเทรดต้องเป็นกลยุทธ์ที่มีอัตราการชนะสูง ถ้าต้องการหากลยุทธ์เพื่อมาปรับใช้ก็สามารถ ค้นหาในสื่อออนไลน์ด้วยคีย์เวิร์ดต่อไปนี้

  • Forex Scalping Strategy
  • Forex Day Trading Strategy

เมื่อได้กลยุทธ์มาแล้วสิ่งที่ห้ามลืมก็คือการ Back Test และ Forward Test  ในบัญชี Demo เพื่อทดสอบ- กลยุทธ์ว่าสามารถทำกำไรได้จริง อัตราชนะของกลยุทธ์ควรอยู่ที่ 50% ขึ้นไปและควรได้ Risk Reward 1:1.5

2. การคำนวณความเสี่ยง

ภาพ วิธีการควบคุมความเสี่ยง

ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องย้ำกันอยู่เสมอสำหรับการคำนวณความเสี่ยง โดยเฉพาะกับการเทรดสั้นที่ต้องเจอกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น การคำนวณความเสี่ยงจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องแปะโน๊ตเอาไว้ก่อนเทรดเสมอ โดยมีหลักการคำนวณความเสี่ยงดังนี้

  • ใช้ขนาดล็อตเท่ากันทุกไม้ เป็นการคำนวณความเสี่ยงโดยหาค่าเฉลี่ยระยะการเคลื่อนไหวของราคา และมาคำนวณเป็นขนาดล็อตที่เหมาะสม และเทรดด้วยจำนวนเท่ากันทุกไม้ การทำเช่นนี้ความเสี่ยงในแต่ละไม้จะไม่เท่ากัน แต่ความเสียหายจะอยู่ในขอบเขตที่เรายอมรับได้ เพื่อที่จะทำกำไรเราต้องตั้งเป้าของผลตอบแทนให้มากกว่าความเสี่ยงเสมอ ความเสี่ยงไม่ควรเกิน 5%
  • คำนวณ Risk per trade โดยใช้ระยะ Stop lossคำนวณความเสี่ยงจากระยะการเคลื่อนที่ของราคาในหน่วยปี๊บ ถ้าหากมีจำนวนปี๊บน้อยอาจจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเพื่อทำกำไรให้มากขึ้น แต่ถ้าระยะปี๊บมากเกินไปก็อาจจะลดความเสี่ยงให้น้อยลง หรือหลีกเลี่ยงที่จะไม่เทรดและรอโอกาสถัดไป

3.รันกำไรจนสุดเทรนด์

ภาพ สรุปวิธีถือกำไร

บางครั้งการกำหนดจุดกำไรให้ตายตัว ก็เป็นการจำกัดการทำกำไรด้วยเช่นเดียวกันถ้าหากว่าราคาวิ่งไปต่อในทิศทางที่คาดการณ์ไว้ ดังนั้นเมื่อเปิดออเดอร์แล้วถูกทางก็สามารถถือออร์เดอร์ให้นานมากขึ้นเพื่อทำกำไรมากขึ้น อาจจะปิดกำไรก่อนครึ่งหนึ่งที่จุด Take Profit 1เพื่อการันตีกำไรแล้วปล่อยที่เหลือวิ่งไปจนกว่าจะสุด- เทรนด์ ซึ่งเราสามารถรันกำไรจนสุดเทรนด์ได้โดยใช้เครื่องมือดังต่อไปนี้

  • โครงสร้างตลาด ถือออร์เดอร์จนกว่าโครงสร้างตลาดจะเปลี่ยนจึงค่อยปิดออเดอร์ทั้งหมด
  • เส้น EMA  20 เป็นการถือออร์เดอร์จนกว่าจะมีแท่งเทียนปิดต่ำกว่า EMA 20 ในทิศทางตลาดขาขึ้น หรือมากกว่า EMA 20 ในทิศทางตลาดขาลง
  • Supertrend  เป็นการถือออร์เดอร์จนกว่าซุปเปอร์เท็นจะมีการเปลี่ยนทิศทาง
  • CDC Action Zone อีกหนึ่ง indicator บน TradingView ที่จะช่วยให้เราสามารถถือ Order ได้จนสุดเทรนด์

4. ไม่ตั้งเป้ากำไร แต่ตั้งเป้าจำนวนการเทรด

ภาพ วิธีการตั้งเป้าหมาย

การตั้งเป้ากำไรรายวันรายสัปดาห์จะกลายเป็นสิ่งที่กดดันมากเกินไป เมื่อทำไม่ได้ตามเป้าอาจจะทำให้เกิดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อการเทรดเช่น

  • ไม่เทรดตามแผน
  • เทรดเพื่ออยากได้เงินคืน
  • มีการไล่ราคา

การตั้งเป้าหมายเป็นจำนวนครั้งในการเทรดในแต่ละวันเป็นสิ่งที่ผู้เขียนแนะนำให้ใช้เพราะว่าเราจะจำกัดทุกอย่างไว้ตั้งแต่ต้นเช่นเทรด 2 ครั้งต่อวัน ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรแต่พอครบจำนวนครั้งก็เริ่มเทรดและรอวันใหม่การทำแบบนี้ส่งผลดีหลายอย่าง

  • สร้างวินัยในทุกๆวัน
  • จำกัดความเสี่ยง
  • ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป
  • ไม่ล้าจากการเฝ้ากราฟ

5. ยึดติดกับสินทรัพย์เดียว

ภาพ สรุปข้อดีกการเทรด 1 สินทรัพย์

การกระจายพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงจากการเทรดการลงทุนเป็นเรื่องดี แต่สำหรับการปั้นพอร์ตแล้วในช่วงแรกเราควรที่จะยึดติดกับสินทรัพย์เดียวหรืออย่างน้อย 2 สินทรัพย์ เพราะว่ามีข้อดีหลายอย่าง

  • ทำให้รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการเคลื่อนไหวราคาของสินทรัพย์นั้นๆอย่างลึกซึ้ง
  • สามารถปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสินทรัพย์ได้ดี ซึ่งทำให้มีโอกาสในการทำกำไรมากขึ้น
  • เพิ่มโฟกัส

6. ลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุด

ภาพ เทคนิคการลดข้อผิดพลาด

การเทรดระยะสั้นเพื่อปั้นพอร์ต จะต้องลดความผิดพลาดให้ได้มากที่สุด ตลาดที่มีความผันผวนมากยิ่งทำให้ข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย การปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างรวดเร็วก็จะยิ่งช้าลง ดังนั้นเทรดเดอร์จะต้องมีการอัปเดตตัวเองทุกวันพัฒนามากขึ้นและลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

  • เทรดเมื่อครบเงื่อนไข การทำทุกอย่างตามแผน คือการเทรดที่มีคุณภาพมากที่สุด ไม่ต้องเทรดมากแต่เทรดอย่างมีคุณภาพ พอร์ตก็จะเริ่มโตขึ้น
  • จดบันทึกการเทรดทุกครั้ง การจดบันทึกช่วยให้สามารถมองข้อผิดพลาดของตัวเอง ข้อผิดพลาดของกลยุทธ์ และคำนวณความเสี่ยงได้ดีขึ้น

7.ฝึกคุมอารมณ์

ภาพ เทคนิคการควบคุมอารมณ์

การเทรดในระยะสั้นจะต้องฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด เจอกับความผันผวนของตลาด เจอกับ False Signal อาจจะทำให้อารมณ์นั้นดิ่งลงอย่างน่าใจหาย ถ้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ก็จะกลายเป็นว่าตัวของเรานั้นมีโอกาสที่จะสร้างข้อผิดพลาดในการเทรดได้มากขึ้นนั่นเอง

วิธีฝึกควบคุมอารมณ์

  1. ลดความเสี่ยงของการเทรด
  2. นั่งสมาธิ / ออกกำลังกาย
  3. เทรดบัญชี Demo
  4. ฝึกเรียนรู้และปรับอารมณ์ตัวเองสม่ำเสมอ

8. เติมเงินใส่พอร์ตเสมอ

ภาพ สรุปข้อดีการเติมเงินเข้าพอร์ตเป็นประจำ

ในช่วงแรกของการปั้นพอร์ต เราควรมีรายได้ 2 ทาง เพื่อที่จะหาเงินมาเติมพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราเติมเงินเข้าพอร์ตอย่างมีวินัย

  • เราจะสามารถเสี่ยงได้มากขึ้น 
  • มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น 

การทำเช่นนี้ทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตไปถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น มากกว่ามานั่งเทรดเพียงอย่างเดียว

9. รู้จักใช้ดอกเบี้ยทบต้น

ภาพ ประโยชน์ดอกเบี้ยทบต้น

เมื่อเทรดจนสามารถสร้างกำไรได้แล้วในช่วงแรกยังไม่ควรถอนเงินออกจากบัญชีแต่ปล่อยให้เงินนั้นทบต้นไปเรื่อยๆ ความมหัศจรรย์ของดอกเบี้ยทบต้นมีดังนี้

  • มีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นในความเสี่ยงเท่าเดิม
  • ได้รับผลตอบแทนที่เสถียร
  • เมื่อดอกเบี้ยมีการทบต้นจนพอร์ตใหญ่ขึ้นก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงได้

สมมุติว่าการเทรดในเดือนแรกเริ่มต้นจากพอร์ต 1,000 บาท เสี่ยงครั้งละ 5% ซึ่งเท่ากับ 50 บาท  เพื่อทำกำไรครั้งละ 10% เท่ากับ 100 บาท จบเดือนได้กำไร 50 % แสดงว่าเงินต้นเดือนถัดไปเงินต้นจะกลายเป็น 1,500 บาท ถ้าเราใช้ความเสี่ยงเท่าเดิมที่ 5%  เท่ากับเราเสียงได้มากขึ้นเป็น 75 บาท และมีโอกาสทำกำไรครั้งละ 10% ที่ 150 บาท การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆจะทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตได้เร็วมากขึ้นอย่างมหัศจรรย์

10. ไม่เปรียบเทียบคนอื่นและเรียนรู้เสมอ

ภาพ สรุปการโฟกัสกับการเรียนรู้ตัวเอง

การปั้นพอร์ตขนาดเล็กให้เติบโตขึ้นตามเป้าหมายของเรานั้น ไม่ควรไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เพราะทุกๆคนมีต้นทุนที่แตกต่างกัน การเปรียบเทียบจะทำให้เกิดผลเสียหลายอย่าง

  • น้อยใจตัวเองที่มีต้นทุนไม่เท่ากับคนอื่นเขา
  • เร่งตนเองมากเกินไปจนเกิดความผิดพลาด
  • เปรียบเทียบผิด ไปโฟกัสที่กำไร แต่ไม่โฟกัสเปอร์เซ็นต์ที่ได้

การปั้นพอร์ตให้สำเร็จต้องรู้จักเรียนรู้เสมอ เรียนรู้การเทรด เรียนรู้กับตัวเอง เติบโตในอัตราเร่งของตัวเอง ถ้ายังก้าวต่อไปอย่างสม่ำเสมอสุดท้ายก็ถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้เช่นเดียวกัน

11. เทรดพอร์ตกองทุน

ภาพ สรุปข้อดีการเทรดพอร์ตกองทุน

อันนี้แถมให้สำหรับคนที่พอมีความรู้มีประสบการณ์ แต่ไม่มีเงินทุนมากพอการเทรดพอร์ตกองทุนนั้นก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้เราสามารถปั้นพอร์ตได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องระวังเกี่ยวกับความปลอดภัยและเรื่องอารมณ์ความกดดัน

ข้อดีของพอร์ตกองทุน

  • ไม่จำเป็นต้องใช้เงินของตัวเองเทรด
  • มีโอกาสได้รับผลกำไรเพิ่ม
  • เป็นการนำเงินเล็กไปแลกเงินใหญ่
  • เป็นการฝึกวินัยในการบริหารเงิน
  • สามารถนำกำไรไปต่อยอดได้
  • มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็วในสายอาชีพการเทรด

สิ่งสำคัญในการเทรดพอร์ตกองทุน

  • การเทรดพอร์ตกองทุน ควรเลือกกองทุนที่น่าไว้ใจ มีการรีวิวที่ดี
  • เลือกกองทุนที่มีระยะเวลาในการสอบค่อนข้างกว้าง หรือไม่กำหนดระยะเวลาเลยยิ่งดีจะทำให้ไม่กดดันตัวเองมากเกินไป
  • เลือกสอบในกองทุนขนาดเล็กและนำผลกำไรไปต่อยอด

ข้อควรระวัง

  • การเทรดพอร์ตกองทุนมีความกดดันและมีเงื่อนไขจุกจิก ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ไร้ประสบการณ์
  • ควรถอนกำไรอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยง
  • สุดท้ายการสอบพอร์ตกองทุนจะต้องรู้จักคำนวณความเสี่ยงให้ดีและต้องมีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

สรุปภาพรวมเทคนิคปั้นพอร์ต

  1. หาโอกาสจากเทคนิคเทรดสั้น
  2. ควบคุมความเสี่ยงให้ดี
  3. ทำกำไรให้มาก
  4. เน้นเทรดอย่างมีคุณภาพ
  5. ยึดติดกับสินทรัพย์เดียว
  6. ลดข้อผิดพลาด
  7. ฝึกคุมอารมณ์
  8. เติมเงินเข้าพอร์ต
  9. ใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้น
  10. เทรดด้วยตัวเองไม่เปรียบเทียบ
  11. มีความรู้ให้ลุยพอร์ตกองทุน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *